1. มีคุณสมบัติพื้นฐาน
- อายุ18ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 26 ปี แต่บางเอเจนซี่ก็อนุโลมให้สำหรับคนที่อายุ 26 แต่ยังไม่ถึง 27 ปี
- (คิดว่า)สามารถดูแลเด็กได้ คนที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อนก็สามารถไปเก็บประสบการณ์เลี้ยงเด็กให้ครบขั้นต่ำ 200 ชั่วโมงแล้วมาสมัครออแพร์ก็ได้
- ให้คิดไว้เลยว่าอยากเดินทางไปช่วงเดือนไหน เจ้าหน้าที่ที่เอเจนซี่ชอบถาม เพื่อจะได้ให้คำแนะนำเรื่องวางแผนเตรียมตัวได้เหมาะสม
👉อยากเป็นออแพร์ในอเมริกา ไม่ยาก
2. ไปฟังสัมมนาแต่ละเอเจนซี่ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับออแพร์ เงื่อนไข ค่าใช้จ่าย ต่างๆ ใครมีข้อสงสัยอะไรก็ถามให้หมด รวมทั้งเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละเอเจนซี่ก่อนตัดสินใจที่จะสมัครกับเอเจนซี่นั้นๆ
👉 ไปเอเจนซี่ไหนดี ?3. สัมภาษณ์ และวัดระดับภาษา การสัมภาษณ์ช่วยประเมินความพร้อมของเราก่อนที่จะออนไลน์ใบสมัคร ใครที่ยังมีประสบการณ์ดูแลเด็กน้อย หรือภาษาอังกฤษยังไม่ถึงระดับที่เอเจนซี่กำหนด ก็ไปฝึกฝนเพิ่มเติมแล้วกลับมาสัมภาษณ์ใหม่ *การทดสอบระดับภาษา บางเอเจนซี่อาจมีค่าใช้จ่าย
คำถามที่สัมภาษณ์และวัดระดับภาษา เช่น แนะนำตัวเองและครอบครัวเป็นภาษาอังกฤษ ทำไมอยากไปเป็นออแพร์ จบโครงการแล้วจะทำอะไรต่อ เล่าประสบการณ์ดูแลเด็ก มีประสบการณ์ขับรถแค่ไหน ถ้าเจอเหตุการณ์..........จะแก้ไขอย่างไร ตอนเป็นออแพร์อยากไปเรียนคลาสอะไร เป็นต้น
👉 คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ออแพร์ต้องรู้
4. ใครผ่านสัมภาษณ์แล้ว ก็จะได้ใบสมัครมากรอกข้อมูลและส่งเอกสารต่างๆ ได้แก่ ประกาศนียบัตรรับรองการจบการศึกษา, ใบรับรองคุณลักษณะ (Personal Reference), เอกสารรับรองประสบการณ์ดูแลเด็ก(Childcare References) อย่างน้อย 2 อย่าง, ผลตรวจร่างกาย เป็นต้น * บางเอเจนซี่ ผู้สนใจจำเป็นต้องจ่ายค่าใบสมัคร
5. ทำโปรไฟล์ และวิดีโอpresentationในระบบออนไลน์ บางเอเจนซี่มี workshop แนะนำการทำโปรไฟล์และวิดีโอให้ก่อนออนไลน์ [ ระยะนี้สามารถเก็บประสบการณ์ดูแลเด็ก/ภาษาอังกฤษ/ขับรถ/ทำอาหาร ไปได้เรื่อยๆ (ลูกศรสีเขียว) ]
6. ออนไลน์ใบสมัคร และสัมภาษณ์กับโฮสต์แฟมิลี่ มีเวลาก็คุยไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งรีบแมช เลือกบ้านที่คิดว่าดีและใช่ที่สุด บางคนรู้สึกว่าทำไมออนไลน์มานานแล้วไม่มีโฮสต์ติดต่อมาสักที? ก็มีหลายปัจจัย เช่น ประสบการณ์เลี้ยงเด็ก ความน่าสนใจของวิดีโอpresentation โปรไฟล์ และรูปถ่าย ระยะเวลาที่จะเดินทาง ความถี่ในการlog in เข้าโปรไฟล์ เพราะส่วนใหญ่เว็บไซต์จะโชว์โปรไฟล์ออแพร์ที่ log in ล่าสุด แล้วก็รวมถึงเวลาว่างของโฮสต์ด้วย ถ้าเป็นวันธรรมดาส่วนใหญ่โฮสต์จะเข้ามาดูโปรไฟล์ออแพร์ประมาณช่วงพักกลางวัน ตอนเย็นหลังเลิกงาน และวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เป็นต้น [ เก็บประสบการณ์และอัพเดตโปรไฟล์ ]
7. ระยะเวลาออนไลน์จนถึง match ของแต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 1 สัปดาห์ - 1 ปี บางคนรอโฮสต์เข้ามาหานาน บางคนแมชตั้งแต่คุยกับโฮสต์บ้านแรก บางคนเลือกนาน คุยหลายบ้านกว่าจะตัดสินใจแมช *ส่วนใหญ่ต้องจ่ายเงินก่อนถึงออนไลน์ใบสมัครได้
👉 คำถาม และคำแนะนำเมื่อสัมภาษณ์กับโฮสต์แฟมิลี่
8. เมื่อ Match แล้ว จะได้รับการโทรหรืออิเมล์ยืนยันจากเอเจนซี่ และต้องเซ็นสัญญาการทำงาน จ่ายเงินค่าโครงการ และซื้อประกันสุขภาพ [ ระยะนี้ควร Keep in touch โฮสต์ไปเรื่อยๆ (ลูกศรสีเหลือง) แต่อย่าแปลกใจถ้าอยู่ดีๆ โฮสต์เงียบหายไป เพราะโฮสต์ส่วนใหญ่ 99% ที่มาจ้างออแพร์เพราะงานยุ่งมากๆ และการจะหาออแพร์ที่ใช่ก็ใช้เวลาสัมภาษณ์นาน ดังนั้นพอหาเจอแล้ว แมชแล้ว โฮสต์อาจจะกลับไปทำงานยุ่งตามเดิม เพราะเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว จะคุยอีกทีตอนเราใกล้ๆ เดินทาง ]
👉 ไอเดีย Keep in touch with host family ง่ายๆ
9. ส่วนเรายังไม่เสร็จสิ้น เอเจนซี่จะจัด workshop เตรียมความพร้อมการสัมภาษณ์วีซ่า และอื่นๆ ก่อนเดินทาง [ Keep in touch ]
*อย่าลืม ตรวจสอบความถูกต้องของชื่อ นามสกุลในใบDS-2019, SEVIS receipt, ประกันสุขภาพ และไฟลท์บินให้ดี
**ควรถามเอเจนซี่ด้วยว่าถ้าเกิดกรณีสัมภาษณ์วีซ่าไม่ผ่านจะเป็นอย่างไร ต้องเลื่อนตั๋วเครื่องบิน แล้วออแพร์ต้องจ่ายเงินไหม?
10. ขอประวัติอาชญากรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สัมภาษณ์วีซ่า เอเจนซี่จะนัดวันสัมภาษณ์ที่เร็วที่สุดให้ และควรทำใบขับขี่สากลสำหรับคนที่มีใบขับขี่นาน 1 ปีขึ้นไป ส่วนคนที่ได้ใบขับขี่มายังไม่ถึง 1 ปีก็สามารถขอให้กรมขนส่งออกใบรับรองใบขับขี่ไทยเป็นภาษาอังกฤษให้ได้ อย่าไปเชื่อที่มีคนบอกว่ารับทำใบขับขี่สากลแล้วให้จ่ายเงินค่าทำเป็นพันบาท มันคือของปลอม ทำไปก็ไม่มีประโยชน์ ต้องทำที่กรมขนส่งเท่านั้น ระยะนี้ใช้เวลาเร็วที่สุดประมาณ 1-2 สัปดาห์ [ Keep in touch ]
👉 รีวิว สัมภาษณ์วีซ่าออแพร์อเมริกา
👉 ตัวอย่างคำถาม-คำตอบ สัมภาษณ์วีซ่าออแพร์ อเมริกา
11. เคลียร์งานต่างๆ ติดต่อดำเนินธุรกรรมให้เรียบร้อย เช่น บัตรเครดิต บัญชีธนาคาร กองทุนประกันสังคม ค่าโทรศัพท์มือถือรายเดือน ฯลฯ
* อย่าลืมให้ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์และอิเมล์ของโฮสต์ และเอเจนซี่ทั้งทางฝั่งไทยและอเมริกากับที่บ้านไว้ เผื่อกรณีฉุกเฉิน
* ควรถ่ายสำเนาบัตรประชาชนของตัวเองและเซ็นชื่อมอบอำนาจไว้ เผื่อมีปัญหาต้องติดต่อด้านธุรกรรมจะได้ให้คนที่บ้านที่รับมอบอำนาจไว้ไปดำเนินการแทนได้
* คนที่จัดฟันก็ควรปรึกษาหมอให้ดีก่อนมา จะผ่าฟันคุดอะไรทำให้เรียบร้อยตั้งแต่อยู่ที่ไทยนะเพราะค่าจัดฟันและค่ารักษาพยาบาลที่นี่แพงมากๆๆๆๆๆ
* ใครมีโรคประจำตัวอะไรก็หาหมอ และขอใบสั่งยาภาษาอังกฤษมาด้วยเผื่อยาหมดต้องมาซื้อที่นี่
* แจ้งวันเดินทางกับเพื่อนๆ ญาติพี่น้องไว้ นัดแนะวันเลี้ยงอำลากันให้ดี จะได้ไม่โกลาหลก่อนเดินทาง
* อย่าลืมให้ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์และอิเมล์ของโฮสต์ และเอเจนซี่ทั้งทางฝั่งไทยและอเมริกากับที่บ้านไว้ เผื่อกรณีฉุกเฉิน
* ควรถ่ายสำเนาบัตรประชาชนของตัวเองและเซ็นชื่อมอบอำนาจไว้ เผื่อมีปัญหาต้องติดต่อด้านธุรกรรมจะได้ให้คนที่บ้านที่รับมอบอำนาจไว้ไปดำเนินการแทนได้
* คนที่จัดฟันก็ควรปรึกษาหมอให้ดีก่อนมา จะผ่าฟันคุดอะไรทำให้เรียบร้อยตั้งแต่อยู่ที่ไทยนะเพราะค่าจัดฟันและค่ารักษาพยาบาลที่นี่แพงมากๆๆๆๆๆ
* ใครมีโรคประจำตัวอะไรก็หาหมอ และขอใบสั่งยาภาษาอังกฤษมาด้วยเผื่อยาหมดต้องมาซื้อที่นี่
* แจ้งวันเดินทางกับเพื่อนๆ ญาติพี่น้องไว้ นัดแนะวันเลี้ยงอำลากันให้ดี จะได้ไม่โกลาหลก่อนเดินทาง
12. จัดกระเป๋า ซื้อเสื้อผ้า ลองหาข้อมูลดูว่าสภาพอากาศของรัฐที่เราจะไปอยู่เป็นอย่างไร ตรวจสอบเงื่อนไขของสายการบิน ราคาค่าโหลดประเป๋า ซื้อของฝากให้โฮสต์แฟมิลี่ บางคนก็เซอร์ไพรส์โฮสต์โดยส่งโปสการ์ดหรือของฝากเล็กๆ น้อยๆ ไปก่อน วันที่บินจริงสามารถเช็คอินออนไลน์ก่อนบินได้ภายใน 24 ชม. ตอนไปโหลดกระเป๋าที่เคาท์เตอร์สายการบินควรไปพร้อมกับเพื่อนๆ ที่บินไฟลท์เดียวกันนะ เจ้าหน้าที่ที่ไทยใจดี เค้าชอบเฉลี่ยน้ำหนักกระเป๋าให้ แต่ขึ้นอยู่กับแต่ละสายการบินด้วย [ Keep in touch ]
👉 ไอเดียของฝากให้โฮสต์แฟมิลี่
👉 จัดกระเป๋าอย่างไรดี
13. บินสู่ดินแดนในฝัน สหรัฐอเมริกา [ Keep in touch ]
14. ปฐมนิเทศ ฝึกอบรมเทคนิคการดูแลเด็ก ความปลอดภัย การปฐมพยาบาลเบื้องต้น CPR การแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดความขัดแย้งกับโฮสต์แฟมิลี่ เป็นต้น บางเอเจนซี่อาจมีพาทัวร์นิวยอร์ก บางเอเจนซี่ก็ไม่มีปฐมนิเทศหลังบินมาอเมริกาแล้ว มีเพียงworkshop ในไทย ช่วงนี้พยายามทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ให้มากๆ ทั้งออแพร์ไทยและต่างชาติ [ Keep in touch ]
👉 บรรยากาศใน Training school (Culturalcare Au Pair)👉 มาดู Au Pair Academy (Au Pair Care) ได้นอนโรงแรมหรู อยู่สบาย
15. เดินทางไปบ้านโฮสต์ และชีวิตออแพร์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
👉 เอกสารสำคัญที่ออแพร์ต้องทำเมื่อถึงอเมริกา
👉 เอกสารสำคัญที่ออแพร์ต้องทำเมื่อถึงอเมริกา