วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561

2017 Paying Tax for Au Pair (Step by step)

* รีวิววิธีการกรอกและจ่ายภาษีสำหรับออแพร์นี้ สำหรับปี 2017 เท่านั้น 

จริงๆมีคนเขียนรีวิวหลายคนแล้ว แต่ก็ยังมีคนสงสัยมาถามเรื่อยๆ เลยรวบรวมมาไว้ที่นี่ที่เดียวเลย
ภาษีของที่อเมริกามี 2 ประเภทคือ Federal Tax และ State Tax รายละเอียดที่จะอธิบายต่อไปนี้คือการจ่าย Federal Tax ส่วน State Tax นั้นรายละเอียดไม่เหมือนกัน บางรัฐก็ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่าย จริงๆ เราอ่านเจอมาว่า While federal income tax is required, you may also be required to pay state income tax depending upon what state you lived in when you received your weekly stipend. และมีออแพร์หลายคนที่จบโครงการไปแล้วแต่งงานมาเป็นซิติเซ่นที่นี่โดนจดหมายเรียกเก็บ State Tax ย้อนหลัง + ค่าปรับอีกหลายร้อยเหรียญ อันนี้ต้องถามโฮสต์ ไม่รู้จริงๆ

กลับมาที่ Federal Tax
👉ยื่นภาษีเมื่อไร ประมาณเดือนมกราคม - เมษายนของทุกปี ออแพร์ทุกคนต้องยื่นภาษีนะ ปีนี้ Deadline คือ April 17th, 2018
👉แบบฟอร์มที่ต้องใช้ แบบฟอร์ม 1040NR-EZ
ดาวน์โหลด แบบฟอร์ม 1040NR-EZ ปี2017 https://www.irs.gov/pub/irs-pdf/f1040nre.pdf
วิธีกรอก จะปริ้นท์ออกมาเขียน หรือจะพิมพ์ใส่ pdf แล้วค่อยปริ้นท์ออกมา เซ็นต์ชื่อก่อนส่งก็ได้ (คลิกที่รูปเพื่อดูภาพใหญ่)

ข้อ H ใช้โปรแกรมคำนวณ เช่น https://www.timeanddate.com/date/duration.html ก็ได้นะว่าอยู่อเมริกามาแล้วกี่วัน จะได้ไม่ต้องนับ แต่อย่าลืมหักลบวันที่เดินทางออกนอกประเทศด้วยนะ เช่น ไปต่างประเทศกับโฮสต์ หรือเทคเวเคชั่นกลับไทย
ข้อ G สามารถเข้าไปเช็คในเว็บ I-94 ได้ จะมีบันทึกการเข้าออกอเมริกาไว้ทั้งหมด
* ทำเสร็จ Copy แบบฟอร์มเก็บไว้ด้วยนะ จะถ่ายรูปหรือเซฟเป็นไฟล์เก็บไว้ ตามแต่สะดวก
💗ข้อ 15 คือจำนวนเงินที่ต้องจ่าย

👉คำนวณอย่างไร
1. นับจำนวน "สัปดาห์" ที่เราทำงานแล้วได้เงินในปีปฏิทินที่แล้ว (นับถึงธันวาคมปี 2017) คูณด้วย $195.75 *หรือบางคนที่เป็นออแพร์แบบพิเศษ (เรียกว่าอะไรไม่รู้ที่ได้เงินมากกว่า $195.75) ก็คูณด้วยจำนวนเงินนั้นที่ได้รับแต่ละสัปดาห์
* ไม่รวมโอที เอ้กตร้า เงินจากการทำงานล่วงเวลา เพราะกฏออแพร์ห้ามทำเกิน 45 ชม./สัปดาห์ ที่เกินๆ  ก็ไม่ต้องมาคิด
* ไม่รวม เงินโบนัส เงินรางวัล เงินของขวัญต่าง ๆ
* ไม่นับสัปดาห์ที่อยู่ Training school เพราะสัปดาห์นั้นไม่ได้เงิน ถ้าใครได้เงินก็นับ
* คนที่มีช่วงเวลารีแมชแล้วระหว่างนั้นไม่ได้เงิน ก็ไม่ต้องนับสัปดาห์นั้น
* แต่รวมเวเคชั่นนะ เพราะเวเคชั่นได้เงิน
2. คำนวณได้แล้วเอามาลบ $4050 จำนวนนี้เป็นจำนวนที่ IRS กำหนด แต่ละปีไม่เท่ากัน ใครที่ลบแล้วติดลบ หรือพูดง่ายๆว่า รายได้ไม่ถึง $4050 ก็ไม่ต้องยื่นแบบฟอร์มเสียภาษีของปีนั้น 
3. นำผลลบที่ได้ในข้อ 2 มาเทียบตาราง ดาวน์โหลดตารางปี 2017 ที่ https://www.irs.gov/pub/irs-pdf/i1040nre.pdf หน้า 23 >>>> จะได้จำนวนเงินที่ต้องจ่าย

ตัวอย่าง เรามาถึง Training school วันที่ 5 มิย 2017 แต่สัปดาห์นี้ไม่ได้เงิน เริ่มทำงานได้เงินวันที่ 12 มิย 2017 นับไปเรื่อยๆ จนถึง ธันวาคม 2017 ได้ 29 สัปดาห์ 



29 x 195.75 = 5676.75
เอา 5676.75 - 4050 = 1626.75
เอา 1626.75 ไปหาในตาราง


* ออแพร์จ่ายได้สูงสุดไม่เกิน $1000 ถึงคำนวณได้เกินก็จ่ายสูงสุดแค่เท่านี้ และโฮสต์ไม่ควรหักเงินเราแบบการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือหักเงินเราวันที่ลาป่วย
* ออแพร์ไม่มีการทำเรื่องขอลดหย่อนอื่นๆ , Do not claim any dependents or tax credit, No itemized deductions
* อย่าลืมเซ็นต์ชื่อ และลงวันที่ในแบบฟอร์มก่อนส่ง (The form is not valid without your signature)
แต่ละคนจ่ายมากน้อยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่ามาถึงอเมริกาเดือนไหน มันจะมากขึ้นแบบขั้นบันได ยกตัวอย่าง คนมาอยู่อเมริกา 6 เดือนจ่าย $164 แต่คนที่อยู่ 12 เดือนไม่ได้จ่าย ($164 x 2) แต่จ่ายตั้ง $613 กระเป๋าฟีบเลยทีเดียว

👉จ่ายอย่างไร
1. จ่ายออนไลน์ จริงๆ IRS แนะนำใหจ่ายออนไลน์ แต่มีเพื่อนออแพร์บางคนบอกว่าจ่ายออนไลน์แล้วมีปัญหาตัดเงินช้าทำให้เลยกำหนดวันยื่นภาษี สุดท้ายต้องเสียค่าปรับ เลยคิดว่าวิธีนี้เหมาะกับออแพร์ที่จบโครงการกลับประเทศไปแล้วแต่ต้องการจ่ายย้อนหลัง (ใครเคยจ่ายออนไลน์มาแชร์วิธีจ่ายหน่อยนะ เราทำไม่เป็น)
2. จ่ายทางไปรษณีย์ โดยใช้ Check หรือ Money Order 
  • วิธีกรอกก็คล้ายๆ Money Order เราไม่เคยเขียนเพราะเราไม่มีCheck แต่คิดว่าประมาณนี้
  • Money Order หรือธนาณัติ ซื้อได้ที่ Walmart < Publix < USPS (ที่ทำการไปรษณีย์) < ธนาคาร จะมีค่าธรรมเนียม $1-2 เรียงตามลำดับราคาถูกที่สุดให้แล้ว ธนาคารก็แพงหน่อย $5-10

วิธีซื้อ Money Order 
ไปที่ Walmart/Publix/ ตรง Customer service หรือเคาท์เตอร์ของไปรษณีย์/ธนาคาร แล้วบอกพนักงานว่าขอซื้อ Money Order เขาจะถามว่าซื้อเท่าไร เสร็จแล้วเค้าเห็นเราหน้าเด็กๆ ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง เค้าอาจจะถามว่าเคยใช้ Money Order ไหม รู้ไหมว่าเขียนยังไง ถ้าไม่รู้เค้าจะอธิบายให้ว่าต้องกรอกอะไรยังไง
การกรอก Money Order 
เสร็จฉีกส่วนบนเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมใบเสร็จ ส่วนล่างเอาใส่ซองพร้อมฟอร์มภาษีที่กรอกเสร็จแล้ว


👉การส่ง
1. สำหรับคนที่จ่ายออนไลน์  ส่งเฉพาะแบบฟอร์ม 1040NR-EZ ไปที่ Department of the Treasury Internal Revenue Service Austin, TX 73301-0215 U.S.A.

2. คนที่จ่ายด้วย Check / Money Order ส่งแบบฟอร์ม 1040NR-EZ และ Check หรือ Money Order (ส่วนล่าง) ไปที่ Internal Revenue Service P.O. Box 1303 Charlotte, NC 28201-1303 U.S.A.

* ในแบบฟอร์มเขียนว่าให้แนบแบบฟอร์ม W-2 หรือ 1042S ไปด้วย(ต้องขอจากโฮสต์) แต่จากประสบการณ์ของออแพร์หลายๆคนบอกว่าไม่ต้องแนบจ้า  

การส่งจะใส่ซองธรรมดา ติดสแตมป์ forever (กี่ดวงไม่รุ้ ลองถามโฮสต์) หรือจะส่งแบบPriority ก็จะราคาแพงกว่าหน่อย แต่มี Tracking Number ให้ติดตามได้ และมีประกันของหายให้

👉ขอใบรับรองจ่ายภาษี (Get Transcript)
ส่งเอกสารเสร็จเรียบร้อย เขาจะไม่มีใบเสร็จหรืออะไรรับรองส่งมาให้ ถ้าเราไม่ขอ
วิธีขอ ให้เข้าไปที่ https://www.irs.gov/individuals/get-transcript สามารถเลือกได้ว่าจะขอให้เขาส่งมาทางอิเมล์ หรือไปรษณีย์ก็ได้


👉ถ้าไม่จ่าย เกิดอะไรขึ้น
จะมีผลต่อการกลับมาอเมริกา การ apply for a U.S. visa ในอนาคต รวมถึงการเปลี่ยนสถานะ แล้วก็จะต้องจ่ายค่าปรับอีกด้วย

👉มีข้อสงสัย ต้องการความช่วยเหลือ
  • ถาม LCC, โฮสต์
  • คุยกับ tax advisor or service (เช่น HRBlock, CompleteTax, RTTAX, Taxback, taxact, etc.)
  • บางทีห้องสมุดจะมีจัด FREE tax counseling and preparation services)
  • โทรหา the International Taxpayer Service Center ของ IRS ที่เบอร์ (1) 267-941-1000
  • https://rcronin.aupairnews.com/2011/02/28/the-truth-about-au-pair-taxes/

* สุดท้ายนี้ รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ กรอกผิดกรอกถูก จ่าหน้าซองเขียนที่อยู่ผิดจาก NC เป็น TX ก็ไม่เป็นไร ขอแค่คำนวณเงินถูก จ่ายครบ เราก็กรอกผิด แต่ถึงเหมือนกัน ได้จดหมายรับรองการจ่ายภาษีพร้อมใบเสร็จเรียบร้อย




วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2561

เคล็ด(ไม่)ลับ อยู่กับโฮสต์แฟมิลี่ให้มีความสุข

หายไปสามเดือน เผลอแป๊บเดียวจะจบโครงการแล้ว ถามว่าชีวิตออแพร์ตอนนี้เป็นอย่างไร ก็มีความสุขดี โฮสต์ก็ดี ญาติโฮสต์ก็เอ็นดูเรา เด็กก็น่ารัก หลงรักลูกมาก เพื่อนก็ดี มีคนไปเที่ยวด้วย จากที่อยู่โดดเดี่ยวมานาน LCCก็ดี ชีวิตดี๊ดี แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ก็ผ่านอะไรๆ มาเยอะ

เลยอยากจะมาแชร์ เคล็ด(ไม่)ลับ อยู่กับโฮสต์แฟมิลี่ให้มีความสุข 
*จากประสบการณ์และความคิดเห็นส่วนตัวของเราเอง

(รูปจาก http://www.birminghamtimes.com/wp-content/uploads/2016/01/happy.jpg)

1. เปิดใจ อย่าคาดหวังอะไรมาก เตือนไว้ก่อนโดยเฉพาะออแพร์ที่เพิ่งมาใหม่ๆ เราก็เป็น ก่อนมาเราก็วาดฝันไว้สวยหรู พอมาแล้วก็มีอะไรๆ ที่ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ก็พยายามเปิดใจ วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์อะไรก็ต่างกัน เราก็ออแพร์ใหม่ เค้าก็โฮสต์ใหม่ ต้องใช้เวลาค่อยๆ ปรับเข้าหากัน อยู่ๆ ไปสักพักก็จะดีเอง เค้าอาจจะไม่ได้เปย์เรามากเหมือนบ้านอื่น แต่ขอแค่เขาทำตามกฏ ไม่เอาเปรียบเราก็พอ

2. โฟกัสที่งาน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เรื่องอื่นๆ ถือเป็นเรื่องรอง บางทีเราก็คิดว่าเราทำงานแลกเงิน มีอาหาร มีที่อยู่ อย่างอื่นที่ไม่ใช่หน้าที่ก็ไม่ต้องสนใจไรมาก แล้วเขาจะเห็นความตั้งใจที่เรามีในการทำงาน/ดูแลลูกเขาเอง

3. มีอะไรพูดตรงๆ อย่าเก็บไว้นาน ปัญหามีไว้ให้แก้ ข้อเสียของออแพร์ไทยคือ ไม่ค่อยเผชิญหน้า ถ้ามีปัญหาแล้วเก็บสะสมไว้นานๆ จนระเบิดออกมาก็จะไม่ไหว เพราะโฮสต์เขาไม่รู้หรอกว่าเราไม่โอเคหรือมันเป็นปัญหา ก่อนพูดก็คิดคำพูดดีๆ เอาใจเขามาใส่ใจเรา มีคนบอกว่าฝรั่งเขาชอบการพูดตรงๆ ถึงบางทีจะไม่จริง แต่ก็เราก็ควรทำ ถ้ายังไม่กล้าพูดกับโฮสต์ตรงๆ ก็ลองเกริ่นกับLCCหรือที่ปรึกษาดูก่อนก็ได้ เผื่อเขามีคำแนะนำดีๆ ส่วนตัวเรา ไม่เคยพูดปัญหากับโฮสต์เลย จนกระทั่งไม่ไหว เลยบอกโฮสต์ เขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ยิ่งเราขอรีแมชด้วยแล้ว คืนนั้นเก็บของแทบไม่ทัน แต่หลังจากเขาไปคิดทบทวนคืนนึงเขาก็อารมณ์เย็นลงแล้วบอกเราว่าจะปรับส่วนที่เราคอมเมนต์ไป เพราะข้อ 3 เราตั้งใจดูแลลูกเขาดี สุดท้ายเลยไม่ได้รีแมช แล้วเขาก็ดีขึ้นจริงๆ จบแบบ Happy ending

4. อย่าเปรียบเทียบกับเพื่อนที่ดีกว่า มันเป็นโชคใครโชคมัน อาจจะเป็นเวรกรรมหรือผลบุญที่ทำมา ช่วงที่เรารู้สึกแย่มากๆ กับโฮสต์เราก็คิดว่าทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ทำไมเพื่อนแต่ละคนเจอแต่โฮสต์ดีๆ ไปเที่ยวกันโพสต์รูป แล้วฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ แต่พอได้ฟังเรื่องราวของออแพร์บางคนที่เค้าเจอปัญหาหนักหนากว่าเรา เรานี่ดูไร้สาระไปเลย ดังนั้นอย่าไปเปรียบเทียบกับใครให้รู้สึกไม่ดีเลย พยายามมองหาข้อดีของบ้านตัวเอง ไม่มีโฮสต์บ้านไหนดีหรือไม่ดี 100% บางบ้านมีออแพร์มา 3 คน คนแรกบอกดี คนที่สองรีแมชไป คนที่ 3 บอกดี 70% ก็นานาจิตตัง พยายามคิดบวกเข้าไว้ แล้วจะมีความสุข

5. มีทัศนคติ "I can do" ฉันทำได้ ลองพยายามทำดูก่อน จริงๆ แล้วการเป็นออแพร์ไม่ใช่งานง่ายๆ เช้นเดียวกับการทำงานอื่นๆ ก็ไม่ได้ง่ายเช่นกัน ให้คิดว่าเรามาหาประสบการณ์ อย่าเพิ่งคิดว่าทำไม่ได้ถ้ายังไม่เคยลองทำ ทุกอย่างคือสิ่งใหม่ คือการเรียนรู้ คือเรื่องท้าทายความสามารถเรา ถ้าท้อเป็นเพียงถ่าน ถ้าผ่านจึงเป็นเพชร (ทั้งถ่านและเพชรมีส่วนประกอบเดียวกัน ถ่านเกิดจากการเผาไหม้ไม่นาน แต่เพชรผ่านความร้อนไม่ต่ำกว่า 5,000 องศาฟาเรนไฮต์ ด้วยระยะเวลาอันยาวนาน จนกระทั่งกลายเป็นเพชรที่มีมูลค่างดงาม) พยายามคิดถึงเป้าหมายและความตั้งใจตอนแรกว่าทำไมเราถึงอยากมาที่นี่ ถ้าเราผ่านไปได้เราก็จะได้กลับบ้านอย่างภูมิใจว่าฉันทำสำเร็จ

(รูปจาก https://scontent-fbkk5-7.us-fbcdn.net/v1/t.1-48/1426l78O9684I4108ZPH0J4S8_842023153_K1DlXQOI5DHP/dskvvc.qpjhg.xmwo/w/data/774/774689-img-1401690176-1.jpg)

6. ทำใจ วางใจเป็นอุเบกขา (ธรรมะก็มา) นี่เรื่องจริง ออแพร์บางคนมีปัญหากับวิธีการเลี้ยงดูลูก หรือไลฟ์สไตล์ของโฮสต์ เราก็เป็น แต่เราคิดซะว่ายังไงซะนี่ก็ลูกเขา ยังไงซะเราก็คนนอก ถึงแม้เขาจะบอกว่าเราเป็น part of family ยังไงก็ไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกันอยู่ดี เรามาอยู่แค่ปีสองปีเดี๋ยวก็ไป (ยกเว้นบางบ้านที่รักผูกพันกับออแพร์ เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ) แต่ถ้าบ้านไหนไม่ใช่ก็คิดแบบนี้จะได้ไม่ทุกข์ใจ เราชอบบอกในใจว่า "เอาที่ท่านสบายใจ" "ว่ามา เดี๋ยวจัดให้" "ได้หมดถ้าสดชื่น" ขอแค่เค้าทำตามกฏก็ไม่มีปัญหา จัดให้ได้หมด ออแพร์คือ "เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว..."

***7. ข้อนี้เป็นกลยุทธ์ของเราเอง ที่ทำให้โฮสต์เราดีขึ้นแบบก้าวกระโดด นั่นคือ พูดถึงโฮสต์ในทางที่ดี ชื่นชมเขาเมื่อมีโอกาส จริงๆ แล้วความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า เล่าแต่เพื่อนสนิทเท่านั้น นอกนั้นเวลาใครถาม โดยเฉพาะออแพร์ต่างชาติ เราก็จะเล่าแต่สิ่งดีๆ มันไร้ประโยชน์ที่จะนำเรื่องไม่ดีไปนินทา เพราะเค้าก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ บางทีเค้าอาจจะมีทัศนคติที่ไม่ดีกับเราด้วยซ้ำ หรือจุดใต้ตำต่อ LCC เป็นเพื่อนสนิทกับโฮสต์ ซวยเลย แล้วเอเจนซี่เรามีจัดประกวด Host family of the year ทุกปี เราเลยเสนอชื่อโฮสต์เราไป ไม่คิดว่าจะได้รางวัลหรอกนะ แต่เขาบอกว่าทุกคนที่ถูกเสนอชื่อจะได้รับของที่ระลึก มันก็เป็นการตอบแทนโฮสต์แบบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ไม่เสียเงินสักดอล แถมเซอร์ไพรส์โฮสต์อีก โฮสต์เราได้ของที่ระลึกเป็นแก้วมัคแสนสวยพร้อมการ์ดแสดงความยินดี เค้าเซอร์ไพรส์มาก ขอบคุณเราใหญ่เลย ตั้งแก้วโชว์กับการ์ดโชว์ไว้เป็นอาทิตย์ประหนึ่งการประกาศเกียรติคุณ แล้วเค้าก็ดีกับเราขึ้นๆไปอีก ทุกคนควรเสนอชื่อโฮสต์ตัวเองนะคะ คิดถึงข้อดีของเค้าไว้

8. มีน้ำใจ ช่วยงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ช่วยดูแลเด็กเกินเวลาบ้างนิดหน่อย มันเป็นเสน่ห์ของคนไทยนะ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น เวลามีเทศกาล วันสำคัญอะไรก็ให้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เขาบ้าง อย่างโฮสต์วันเกิดเราก็ทำวิดีโอรวมรูปลูกให้เพราะว่าเค้าเพิ่งมีลูกคนแรกเค้าเห่อลูกชอบดูรูปลูก เราเลยทำให้ ไม่ต้องลงทุนอะไร วันวาเลนไทน์ก็พับดอกกุหลาบให้ เซอร์ไพรส์ไปอีก ก็คิดซะว่า การที่เขาทำไม่ดีกับเรา ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะทำไม่ดีกลับเขา

สุดท้ายแล้ว หากพยายามแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น อยู่แล้วไม่มีความสุข การอดทนต่อไปไม่ใช่ทางออกเดียวที่มีอยู่ อย่ากลัวการรีแมช อย่ากลัวที่จะเล่าปัญหาให้LCC ที่ปรึกษา หรือเพื่อนๆ ฟัง

(รูปจาก http://www.praphansarn.com/assets/upload/images/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%889.png)

💓💙💛💜 ขอให้ทุกคนมีความสุขกับชีวิตออแพร์ค่ะ 💓💙💛💜

อยากเป็นออแพร์ในอเมริกา ไม่ยาก (คุณสมบัติออแพร์)


อยากเป็นออแพร์ในอเมริกา ไม่ยาก 

😀คุณสมบัติพื้นฐาน ใครมีก็สมัครออแพร์ได้
1. อายุไม่เกิน 26 ปี
ตามเงื่อนไขของวีซ่าและเอเจนซี่ ส่วนใหญ่กำหนดอายุประมาณ 18-26 ปี (*ศึกษาเพิ่มเติมจากตัวแทนเอเจนซี่) แต่เอเจนซี่ไทยมักจะรับคนที่เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว เพราะพื้นฐานคนไทยคือ ยังอยู่กับพ่อแม่ตลอดตั้งแต่เด็กจนโต เด็กไทยที่เรียนจบมัธยมแล้วต้องเข้ามหาวิทยาลัยแล้วจบมาค่อยหางานทำ ไม่เหมือนเด็กฝรั่งที่ออกไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง รับผิดชอบตัวเอง เรียนจบมัธยมแล้วจะออกมาทำงานก่อนหรือเดินทางไปต่างประเทศเพื่อค้นหาตัวตน ทำให้ดูโตเป็นผู้ใหญ่กว่า อีกทั้งถ้าคนที่จะสมัครออแพร์ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็ต้องทำเอกสารยินยอมจากผู้ปกครองอีก (อเมริกานี่อยู่คนละซีกโลกเลยนะ ไม่ใช่ใกล้ๆ ต้องไปอยู่กับใครที่ไม่รู้จักมาก่อน) เอเจนซี่ไทยส่วนใหญ่เลยมักจะรับคนที่เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ดูโตเป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะและความรับผิดชอบ (แต่ถ้ายังเรียนไม่จบแล้วมีคุณสมับติครบถ้วน มีวุฒิภาวะเพียงพอก็สมัครได้นะ)
2. จบการศึกษาขั้นต่ำ ม.6
3. สุขภาพแข็งแรง 
4. ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม
5. มีประสบการณ์เลี้ยงเด็ก อย่างต่ำประมาณ 200 ชั่วโมง
ทั้งประสบการณ์ทางการ คือ การทำงานในสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเด็ก เช่น หมอ พยาบาล ครูอนุบาล เคยทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่เนิร์สเซอรี่/เดย์แคร์ เป็นต้น หรือผ่านการอบรมการดูแลเด็ก มีหลักฐานชัดเจน และประสบการณ์ที่ไม่เป็นทางการ เช่น เลี้ยงน้องที่บ้าน เลี้ยงลูกเพื่อน เลี้ยงหลาน ไม่มีหลักฐานชัดเจนแต่มีพยาน คือคนที่สามารถเขียนใบรับรองได้ว่าเราได้เลี้ยงลูกหลานเขาจริงๆ ถ้ามีทั้งสองอย่างก็เลิศ!
6. สื่อสารภาษาอังกฤษได้
ไม่จำเป็นต้องเก่ง เป๊ะ หรือ perfect เลย หนึ่งในเหตุผลของออแพร์ไทยที่อยากไปอเมริกาก็คือไปเรียนรู้และฝึกภาษานี่แหละ โฮสต์ส่วนใหญ่ก็รู้เหตุผลในข้อนี้ดี และรู้ด้วยว่าเราไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่จะให้ความสามารถด้านภาษาอังกฤษเป็น 0 กะไปเริ่มใหม่หมดเลยที่อเมริกาก็ไมไ่ด้ อย่างน้อยขอแค่เราสามารถสื่อสารได้ บอกความต้องการ มีปฏิสัมพันธ์กับโฮสต์และเด็กๆ (นึกภาพคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไทย ไม่จำเป็นต้องพูดชัด พูดเก่งเลย แค่พอสื่อสารได้และทำงานได้) ซึ่งตรงนี้ทางเอเจนซี่จะมีการสอบสัมภาษณ์วัดระดับภาษาเราก่อน ถ้าถึงระดับที่กำหนดจึงจะสามารถสมัครได้ ถ้ายังไม่ถึงก็จะให้กลับไปฝึกหรือเรียนภาษาเพิ่มเติมก่อนค่อยกลับมาสัมภาษณ์อีกครั้ง
7. มีใบขับขี่
ออแพร์ไม่จำเป็นต้องขับรถให้เด็กทุกคน (โดยเฉพาะเด็กทารกและเด็กเล็กๆ ที่ยังไม่เข้าร.ร.) แต่ออแพร์จำเป็นต้องมีใบขับขี่ทุกคน นี่เป็นข้อกำหนดของเอเจนซี่ที่ไทย เพราะว่าช่วยให้เราเพิ่มโอกาสในการหาโฮสต์ เรื่องขับรถนี้เป็นจุดอ่อนของออแพร์ไทยเลย เราต้องไปแข่งขันกับพวกออแพร์ยุโรปที่มีประสบการณ์ขับรถตั้งแต่วัยรุ่น ขับรถคันใหญ่ เช่น มินิแวน รถตู้ SUV และเคยขับบนหิมะ
เราเป็นคนหนึ่งที่ที่บ้านไม่มีรถและไม่เคยขับรถเลย แต่จะไปทั้งที ทุกอย่างคือการลงทุน เราก็ไปเรียนขับรถและสอบจนผ่านได้ใบขับขี่มาถึงค่อยมาสมัครออแพร์
8. มีเงินจ่าย
ทุกอย่างคือการลงทุน ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ การเป็นออแพร์ก็เช่นกัน ต้องจ่ายเงินค่าโครงการ ค่าออนไลน์ใบสมัคร ค่าตรวจสุขภาพ บางคนต้องจ่ายค่าเรียนภาษาเพิ่ม ค่าเรียนขับรถ ค่าสอบใบขับขี่ ค่าทำใบขับขี่สากล ค่าทำวีซ่า ค่าประกันสุขภาพ ฯลฯ ยังไม่รวมค่าอื่นๆ อีก เช่น เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทาง ของฝากโฮสต์และเด็กๆ เงินทั้งนั้น รวมๆ แล้วก็ 50,000-60,000 บาทได้ แล้วแต่การใช้จ่ายของแต่ละคน

ข้อ 1-8 ข้างต้นนี้เป็นคุณสมบัติที่ "ต้องมีครบ" จึงจะสามารถสมัครเพื่อเป็นออแพร์ในอเมริกาได้ ขั้นตอนต่อไปก็คือเลือกว่าเราจะไปสมัครกับเอเจนซี่ไหนดี แต่สมัครได้แล้วโฮสต์จะเลือกเราหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ บางคนออนไลน์มาเป็นปีไม่ได้แมทช์กับโฮสต์บ้านไหนเลยก็มี(เเสียเงิน เสียเวลาฟรีๆ) ดังนั้นเรามาดูคุณสมบัติที่ทำให้โฮสต์เลือกเราดีกว่า

😲คุณสมบัติออแพร์ที่โฮสต์อยากได้
9. Maturity มีวุฒิภาวะ โฮสต์บางบ้านจะกำหนดไว้เลยว่าขอออแพร์ที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไปเป็นต้น แต่บ้านที่ไม่กำหนดก็มีเยอะ
10. Infant Qualified (IQ) มีประสบการณ์ดูแลเด็กทารก เพราะโฮสต์ส่วนใหญ่จะมีลูกคนที่สอง คนที่สามแล้วคิดว่าเลี้ยงไม่ไหวจึงเข้าร่วมออแพร์ ดังนั้นถ้าใคร IQ ก็(อาจ)จะช่วยเพิ่มโอกาสในการหาโฮสต์ได้ บางบ้านก็ไม่ต้องการเพราะเด็กๆ โตกันหมดแล้ว
11. Strong & good history driving อันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นโฮสต์บ้านที่มีเด็กวัยเข้าร.ร.แล้ว เราต้องขับไปรับไปส่งที่ร.ร. และพาไปทำกิจกรรมตอนเย็นหรือวันหยุด เช่น พาไปสวนสาธารณะ ไปสระว่ายน้ำ ไปเรียนพิเศษเสริม เป็นต้น บางบ้านก็กำหนดมาเลยว่าขอคนที่มีประสบการณ์ขับรถอย่างน้อย 2 ปี แต่บางบ้านก็ขอแค่มีใบขับขี่มาจากไทยพอ ค่อยมาฝึกหัดที่นั่นได้ ไม่ยาก
12. Swimmer คิดว่าเกือบ 100% ของคนที่นี่ว่ายน้ำได้ และชอบไปว่ายน้ำที่ทะเล หรือมีสระว่ายน้ำที่บ้าน โฮสต์จึงอยากได้คนที่ว่ายน้ำได้ ดูแลเด็กๆ ขณะว่ายน้ำได้ แต่ไม่ต้องกังวลมาก เราก็ว่ายไม่เป็นยังได้แมทช์เลย
13. Great English Speaker บางบ้านโดยเฉพาะโฮสต์ที่มีเด็กโตจะขอคนที่พูดภาษาอังกฤษได้เก่งๆ เพราะต้องสื่อสารกับลูกเขา แต่บางบ้านก็ไม่ได้กำหนดเพราะเขาเข้าใจว่าเราไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ หรือลูกเขาอาจจะเป็นแค่เด็กทารก และเรามาเป็นออแพร์เพื่อฝึกภาษาอังกฤษ
14. Good Cooker ออแพร์มีหน้าที่ต้องทำอาหารให้เด็กๆ ด้วย เด็กบางคนต้องมีข้าวกล่องไปกินกลางวันที่ร.ร.อีกต่างหาก แต่คนที่นี่กินง่ายๆ มื้อเช้าแค่ขนมปังทาแยม แพนเค้ก ข้าวโอ้ต หรือซีเรียล ส่วนกลางวันก็อาจจะเป็นแซนวิชแฮมชีส ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเก่งทำอาหารหรอก แค่พอทำได้ แต่ถ้าชอบทำอาหารและทำเก่งจะได้คะแนนพิเศษ เพราะโฮสต์ชอบอาหารไทย(แบบไม่ค่อยเผ็ด)กัน และอาหารไทยก็เป็นที่รู้จักของคนที่นี่ด้วย
15. Pets lover คนที่นี่ชอบเลี้ยงหมา แมวกัน บางบ้านก็มีมากกว่านั้น เช่นนก หรือบ้านที่อยู่ชนบทมีฟาร์มม้า ฟาร์มแกะ หากใครเคยเลี้ยงหมาแมวที่บ้านก็จะได้คะแนนเพิ่มในข้อนี้

ข้อ 9-15 นี้เป็นคุณสมบัติที่ผู้สมัครออแพร์ "ควรมี" เพราะหน้าที่ของออแพร์ไม่ใช่เลี้ยงเด็กไปวันๆ แต่เปรียบเสมือนผู้ปกครองเด็กอีกคนเลย (บางคนก็เปรียบเสมือนครู) ต้องดูแลทุกอย่าง อาหารการกิน ความสะอาด ความปลอดภัย การเรียนรู้ ข้อไหนไม่มีก็ไปฝึกฝนเพิ่มพูนประสบการณ์เยอะๆ ยิ่งมีมากยิ่งได้เปรียบในการหาโฮสต์มากขึ้น แต่ถ้ามีไม่ครบก็ไม่เป็นไร บางบ้านก็ไม่ได้ต้องการคุณสมบัติข้อนั้น

😙Plus คะแนนพิเศษ สิ่งที่ควรใส่ในโปรไฟล์เรา
- พูดภาษาที่สามได้ เช่น สเปน, จีน, เยอรมัน ฯลฯ คนอเมริกันใช่ว่าจะมีแต่ฝรั่ง บางบ้านก็อยากได้คนที่พูดภาษาเดียวกับเขา โดยเฉพาะสเปนซึ่งถือเป็นภาษาที่สองของอเมริกา หรือโฮสต์จีนก็อยากได้คนพูดจีนได้ โฮสต์ที่เคยมีออแพร์ชาติไหนมาก่อนก็อยากได้ออแพร์ชาตินั้นต่อ เพราะออแพร์คนเก่าเคยสอนภาษาเด็กไว้ เด็กจะได้เรียนรู้ต่อเนื่อง
- Professional childcare experience เช่น พยาบาล, ครูปฐมวัย, โค้ชกีฬา, ครูสอนศิลปะ เป็นต้น อันนี้จะดูมีภาษีดีกว่าคนอื่น เพราะถือเป็นประสบการณ์เลี้ยงเด็กที่เป็นทางการ แต่ใครไม่มีก็ไม่เป็นไรนะ พยายามพรีเซ้นต์ข้อดีอื่นๆ ของตัวเอง
- Flexible โฮสต์มาเป็นโฮสต์ก็เพราะว่างานยุ่งไม่มีเวลากันทั้งนั้น ดังนั้นเค้าก็เลยชอบออแพร์ที่ยืดหยุ่นได้ถ้าเขามีธุระ และวัฒนธรรมคนที่นี่คือต้องมีคืน date night กับสามี/ภรรยาของตัวเองอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง และต้องไปกินข้าว ไปปาร์ตี้ ไปเจอเพื่อนฝูง บางครั้งต้องการออแพร์ที่สามารถเฝ้าเด็กตอนกลางคืนได้ เพราะกฏหมายที่นี่ห้ามทิ้งเด็กอยู่บ้านคนเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ยืดหยุ่นจนเอาเปรียบออแพร์หรือผิดกฏออแพร์ที่ห้ามทำงานเกินวันละ 10 ชม และรวมกันไม่เกิน 45 ชมต่อสัปดาห์ และมีวันหยุดให้อย่างน้อย 1 full weekend ต่อเดือน หากจำเป็นต้องทำเกินจริงๆ ควรจ่ายโอที/เอ้กตร้าให้
- บุคลิกภาพและความสนใจอื่นๆ เช่น Proactive, Energic, Organized, Independen, Funny, รับผิดชอบ, ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง, ชอบงานศิลปะ, ชอบร้องเพลง เล่นดนตรี เป็นต้น อันนี้อยู่ที่การนำเสนอภาพและการเขียนโปรไฟล์ของแต่ละคน ลองนึกดูว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ในการทำกิจกรรมกับเด็ก โฮสต์คงไม่ชอบใจออแพร์ที่เฉื่อยชาเลี้ยงลูกเขาไปวันๆ นั่งเล่นมือถือเท่าไร (ถึงเขาจะเป็นเองก็ตาม) เขาอยากได้คนที่สามารถพาลูกเขาทำกิจกรรมได้ในขณะที่เขาไม่ว่างต้องไปทำงาน ส่วนความสนใจร่วมกันก็เป็นสิ่งที่ทำให้โฮสต์เลือกเราเหมือนกัน ใครจะคิดว่าการชอบดูหนังเกาหลีจะทำให้โฮสต์แมทช์กับเพื่อนเรา ดังนั้น จงเป็นตัวของตัวเอง พยายามบรรยายสิ่งที่เราชอบ การที่ได้แมชกับโฮสที่มีไลฟ์สไตล์เดียวกับเรานั้นโชคดีมากๆ

ทำไมโอสต์ถึงเลือกออแพร์ไทย ?
          ออแพร์นั้นมาจากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะเยอรมัน โคลัมเบีย แอฟริกาใต้ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีโฮสต์สนใจออแพร์ไทย เพราะประเทศไทยมีชื่อเสียงมาก คนที่นี่รู้จักอาหารไทย และโฮสต์บางบ้านก็เคยไปเที่ยวประเทศไทยหรือมีคนรู้จักเคยไป ออแพร์จากไทยก็เยอะเช่นกัน จากประสบการณ์และความคิดเห็นส่วนตัว โฮสต์ที่เลือกออแพร์ไทยเพราะว่า ชอบกินอาหารไทย และลักษณะนิสัยของคนไทยคือใจดี สุภาพ อ่อนโยน อดทน และที่สำคัญมีสัมมาคารวะ ออแพร์ไทยเข้ากับพ่อแม่โฮสต์ได้ดีเลย เขาจะเอ็นดูเรามาก (จากประสบการณ์ตรง)

ใครคิดว่ามีคุณสมับติพร้อม ย้ำอีกครั้ง คุณสมบัติข้อ 1-8 เป็นข้อบังคับ ส่วน 9-15 นั้นค่อยเพิ่มเติมหรือต่อยอดระหว่างออนไลน์ใบสมัครได้ สนใจอยากเป็นออแพร์ ขั้นตอนต่อไป เลือกเอเจนซี่ 




แหล่งอ้างอิง