วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Reverse Culture Shock ปรับตัวครั้งใหญ่เมื่อกลับไทย

"ฉันตื่นเต้นมากเมื่อใกล้จะกลับไทย ฉันนึกภาพว่าฉันและทุกๆคนที่ไทยต้องดีใจมากๆที่ฉันกลับมา แต่พอถึงวันจริงๆ แล้ว ฉันไม่แน่ใจว่าตัวฉันและทุกคนรู้สึกอย่างไร?"

เวลาสองสามวันแรกที่ไทยของฉันหมดไปกับการพักผ่อน รื้อของออกจากกระเป๋าเดินทาง และจัดการกับจดหมายกองโตที่ส่งมาให้ฉันตลอด2ปีที่ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ ฉันยังต้องจัดการกับบัญชีธนาคารที่ไม่เคลื่อนไหว และธุรกรรมต่างๆ เวลา 1 อาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉันบอกให้ทุกคนรู้ว่าฉันกลับมาถึงไทยแล้วนะ เพื่อจะได้นัดหมายเจอกับทุกๆคน แต่มีไม่กี่คนหรอกที่อยากเจอฉันจริงๆ (ฉันรุ้สึกอย่างนั้น)

https://i2.wp.com/studylinks.com/wp-content/uploads/2018/07/reverse-culture-shock.jpg?fit=231%2C260&ssl=1

ใช่แล้ว เพราะแต่ละสิ่งเปลี่ยนแปลงไป ทุกคนก็มีงานและภาระหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่มีใครว่างเหมือนฉันนี่นา ฉันพยายามเข้าใจ

ฉันท้องเสียนานกว่า 2 สัปดาห์ ตอนแรกฉันคิดว่าถ้ากลับไทยฉันจะกินทุกอย่างที่อยากกินจนตัวแตกไปเลย ทุกอย่างมันอร่อยและคุ้นลิ้นไปหมด แต่ฉันต้องเข้าห้องน้ำทุกครั้งหลังมื้ออาหาร น้ำหนักฉันลดไปเกือบ 3 กิโลกรัม ฉันพยายามรักษาตัวแต่ไม่มียาอะไรช่วยได้เลย สุดท้ายยาพื้นบ้านอย่างยาธาตุน้ำขาวกลับได้ผลชะงัก หลังจากนั้นก็ไม่มีอาหารอะไรทำร้ายกระเพาะฉันได้อีกเลย (ยกเว้นอาหารเผ็ดจัด)

เวลาผ่านไป ความตื่นเต้นของฉันก็หมดลง ฉันเริ่มเบื่อหน่าย เป็นเพราะฉันว่างงาน และหลายๆ สิ่งที่ฉันเจอที่เมืองไทย ทั้งคำพูด และสถานการณ์ต่างๆ ฉันเริ่มเศร้า...

ทำอะไรก็ขัดใจผู้ใหญ่
มีแฟนหรือยัง ทำไมไม่มีใครมาจีบบ้างเหรอ?
แหมมมม... เด็กนอก
ไม่เจอกันนานอ้วนขึ้นนะ ดำขึ้นด้วย
อุตส่าห์ไปตั้งไกล สุดท้ายกลับมาเป็น......

"ฉันรู้สึกว่าฉันไม่เหมาะกับที่นี่ ฉันเคยมีความสุขมากกว่านี้ตอนอยู่ต่างประเทศ ฉันรู้สึกหงุดหงิดไปกับทุกอย่างและเปรียบเทียบกับสิ่งที่เคยเจอตอนอยู่ต่างประเทศตลอดเวลา ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร ชีวิตจะไปต่อได้อย่างไร ฉันอยากกลับไปที่ันั่นอีกครั้ง...

...ทุกคนบอกว่าฉันกำลังปรับตัว มันต้องใช้เวลา แต่นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ฉันไม่รู้สึกมีความสุขเลย ทุกคนได้แต่ปลอบใจฉันแล้วก็ดำเนินชีวิตต่อไปในทางของตัวเอง มีแต่ฉันที่ยังคงติดอยู่กับความรู้สึกนั้น

บางครั้งฉันรู้สึกว่ามีแต่คนที่เคยเป็นออแพร์ในอเมริกาแบบฉันเท่านั้นที่เข้าใจตัวฉัน

ฉันรู้ตัวว่านี่คือภาวะ Reverse Culture Shock
มันคือ ภาวะที่บุคคลไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีวัฒนธรรมใหม่แล้วรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก
ฉันคิดว่าฉันน่าจะรับมือได้ แต่ไม่คิดว่ามันจะมีผลต่อฉันมากขนาดนี้

มีคนบอกว่าภาวะ Reverse Culture Shock นั้นรุนแรงกว่า Culture Shock เพราะก่อนไปต่างประเทศ ทุกเอเจนซี่มีการปฐมนิเทศและจัดอบรมเตรียมความพร้อมก่อน เพื่อให้สามารถเข้าใจ ปรับตัว และใช้ชีวิตกับวัฒนธรรมที่แตกต่างที่จะเจอขณะอยู่ต่างประเทศได้ ซึ่งช่วยลดผลกระทบทางด้านจิตใจได้ระดับหนึ่ง และตัวฉันเองได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะเจอ Culture shock ต่างๆ นั้นไว้แล้ว

มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการจากบ้านเกิดเมืองนอน ครอบครัว และเพื่อนสนิทเดินทางข้ามซีกโลกไปใช้ชีวิตในอเมริกา ประเทศที่กว้างใหญ่และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากแห่งหนึ่งของโลก ความไม่รู้ ปัญหาด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ การพบเจอคนแปลกหน้า ฯลฯ เป็นสิ่งที่ฉันต้องเจอแต่ฉันมีเป้าหมายที่แน่วแน่แล้วว่า "ฉันต้องอยู่ให้ได้จนจบโครงการ" แต่กลับไม่มีเอเจนซี่ไหนเลยที่เตรียมความพร้อมให้กับออแพร์ที่กำลังจะกลับประเทศให้รับมือกับภาวะ Reverse culture shock

      ผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายอาการ reverse culture shock ไว้ 4 ขั้นด้วยกัน คือ

  1. การตัดขาดความสัมพันธ์ จากเพื่อนๆในต่างประเทศ
  2. รู้สึกตื่นเต้นในช่วงแรก มีความสุขที่ได้เจอครอบครัวและเพื่อนๆของคุณอีกครั้ง แต่ไม่นานก็จะตระหนักได้ว่าคนส่วนใหญ่ไมได้สนใจประสบการณ์หรือสิ่งที่คุณไปพบเจอมาที่ต่างประเทศเท่าไหร่นัก 
  3. ฉุนเฉียวและไม่เป็นมิตร ผิดหวัง, โกรธ, แปลกแยก, โดดเดี่ยว, สับสน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และไม่เข้าใจว่าทำไม
  4. ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตที่บ้านของตัวเองใหม่ 
ฉันได้ลองลิสต์ปัญหาที่ได้เจอตลอด 1 เดือนแรกที่กลับไทย เผื่อใครที่กำลังจะกลับไทยได้รู้ก่อน จะได้เตรียมพร้อมรับมือได้
  1. เตรียมความพร้อมกับสภาพอากาศร้อนชื้น 
  2. รถติด คนขับรถไม่มีมารยาท มอเตอร์ไซต์มาก รถประจำทางมาไม่ตรงเวลา ความแออัดบนรถไฟฟ้า ข้ามถนนต้องหลบรถ
  3. ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ
  4. มนุษย์ป้า ชอบถามและวิจารณ์เรื่องส่วนตัว แซงคิว ชอบสอนโดยที่ไม่รู้จริง ทัศนคติแคบ
  5. ทุกอย่างอิงชาติ ศาสนา วัฒนธรรม
  6. ความอิสระที่ลดลง ทำอะไรต้องฟังความเห็นของครอบครัวและคนรอบข้าง
  7. ข้อนี้ไม่ใช่ Reverse culture shock ซะทีเดียว แต่เพราะตอนเป็นออแพร์เรามีงานทำ มีบ้านอยู่ ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่พอกลับไทยมาเราต้องคิดถึงอนาคต จะทำงานอะไร แล้วบางครั้งก็อาจไม่ได้งานทันทีที่กลับมา ก็เลยมีช่วง "ว่างงาน" บางคนนานหลายเดือน
เราจะรับมือกับภาวะ นี้ได้อย่างไร
  1. ถึงอากาศจะร้อน แต่อย่าให้ใจร้อนตาม ระลึกในใจไว้เสมอว่า "ใจเย็นๆ" อะไรๆ มันอาจจะไม่ได้สะดวกเท่าที่อเมริกา แต่มันก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว งดเสพข่าวการเมืองเสียบ้าง
  2. ข้ามถนนต้องระวังรถให้มากๆ อย่าประมาท
  3. รับประทานอาหารสด ใหม่ สะอาด อย่าเพิ่งทานของเผ็ด หรือรสจัด ให้ท้องปรับสภาพเสียก่อน
  4. ทำใจให้กว้างๆ อย่าใส่ใจกับคำคนมาก คิดซะว่าเป็นสายลมที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป อย่าเก็บมาคิดมาก
  5. เข้าเมืองตาหลิ่ว ให้หลิ่วตาตาม
  6. อย่าลืมว่าเราไม่ได้ตัวคนเดียว บางครั้งอาจจะอึดอัดกับพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่บ้าง แต่เป็นเพราะพวกเขาเป็นห่วง และเวลามีปัญหาอะไร พวกเขาก็พร้อมจะช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างคุณเสมอ
  7. ถือซะว่าช่วงเวลาว่างงานคือโอกาสดีที่จะได้พักผ่อน ไปท่องเที่ยวสถานที่ที่อยากไป และทำสิ่งที่อยากทำ อาจจะลงเรียนคอร์สที่สนใจเพื่อพัฒนาตัวเอง หรือใช้โอกาสนี้อยู่กับครอบครัว หรือทำงานอาสาสมัครเพื่อผู้ด้อยโอกาสก็ได้
  8. ติดต่อ พูดคุยกับเพื่อนๆออแพร์
  9. คิดถึงเรื่องราวดีๆ ประสบการณ์ดีๆ ที่ได้รับขณะเป็นออแพร์ที่อเมริกา
  10. หางานอดิเรกใหม่ พบเจอผู้คนที่หลากหลาย ทำให้เราได้เรียนรู้จากพวกเขาเหมือนตอนที่เราไปอยู่อเมริกาใหม่ๆ 
ตอนนี้ฉันติดอยู่ในขั้นที่ 3 แต่ฉันคิดว่าฉันจะก้ามข้ามมันไปได้ และไปอยูู่ในขั้นที่ 4 โดยเร็ว

บทความที่เกี่ยวข้อง



ที่มา 
https://www.hotcourses.in.th/study-abroad-info/once-you-arrive/coping-with-reverse-culture-shock/
https://static1.squarespace.com/static/56167d1de4b0141a0f9a9378/t/5acb926a758d46742a84b4ef/1523290730568/Practical+Tips+for+Readjustment.pdf
https://www.ceastudyabroad.com/blog/mojo/2018/03/08/5-tips-to-overcome-reverse-culture-shock