วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561

อเมริกา 50 รัฐ (ตอนที่ 1: ที่สุดในอเมริกา)

บทความนี้ ได้ไอเดียมาจากตอนกำลังจะต่อออแพร์ปีสองแล้วไม่รู้จะไปอยู่รัฐไหนดี ? แล้วก็ชอบมีเพื่อนมาถามว่ารัฐนั้นรัฐนี้ดีไหม? เลยคิดว่ามันคงจะดีถ้ามีคนรวมข้อมูลของแต่ละรัฐในอเมริกาไว้ให้ เหมือนหนังสือความรู้รอบตัว"ที่สุดประเทศไทย" อันนี้ก็เป็น "ที่สุดในอเมริกา"แทน แต่เอาที่เกี่ยวกับแต่ละรัฐพอเนอะ จะได้พอเห็นภาพและรู้จักอเมริกามากขึ้น ประกอบการตัดสินใจว่าจะเลือกแมชต์กับโฮสต์บ้านไหนดี   

(http://holidaymapq.com/wp-content/uploads/2015/08/floor-puzzle-usa-map-100-scratch-and-dent-collectible-packaging-.jpg)

ข้อมูลทั่วไป

(https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTXGThtaRFww-m39-INspdJR5qJumOb1BRzlmlhzWPjZuvxpCDV)

              สหรัฐอเมริกาประเทศที่กว้างใหญ่และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากๆ มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 หรือ 4 ของโลก และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก พื้นที่ใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 18 เท่า ผู้คนมาจากหลากหลายเชื้อชาติ หลายประเทศ ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก  รองลงมาคือภาษาสเปน
               ธงชาติสหรัฐอเมริกา ส่วนที่เป็นแถบขาวและแดงหมายถึงรัฐดั้งเดิม 13 รัฐ ส่วนสัญลักษณ์ “ดาว” ทั้ง 50 ดวงบนผืนธงชาติสหรัฐอเมริกา หมายถึงรัฐต่างๆ ในอเมริกาปัจจุบันทั้ง 50 รัฐ แต่ละรัฐเทียบได้กับประเทศหนึ่งๆ มีการปกครองแบบอิสระของตนเองภายในระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ ยังมีดินแดนอิสระที่เป็นเขตปกครองตนเอง ชื่อว่า District of Columbia เรียกย่อ ๆ D.C. เป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของประเทศ คือ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นคนละรัฐกับ Washington ที่อยู่ฝั่งตะวันตก ซึ่งแม้มิได้เป็นรัฐเต็มตัวเหมือนรัฐอื่น ๆ แต่ก็มีฐานะเทียบเท่ารัฐในการออกเสียงต่าง ๆ รวมทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดี

การแบ่งภูมิภาค

(https://i.pinimg.com/originals/e9/ed/2b/e9ed2b40d7a168534efcb00120a63c1c.gif)

ฤดูกาล

ประเทศสหรัฐอเมริกามี 4 ฤดู อุณหภูมิในแต่ละรัฐจะแตกต่างกันออกไป
1. Spring ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม) วันที่เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิจะมีการปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง จะรู้สึกว่าพระอาทิตย์ตกช้า 1-2 ทุ่มฟ้ายังสว่างอยู่เลย
2. Summer ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน - สิงหาคม)
3. Fall ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายน - พฤศจิกายน) จะมีการปรับเวลาให้ช้าลง 1 ชั่วโมง พระอาทิตย์ตกเร็ว ตั้งแต่ 4-5 โมงเย็นฟ้าก็มืดแล้ว ช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะมีช่วงปิดเทอม Spring break 1 อาทิตย์ด้วย
4. Winter ฤดูหนาว (เดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์)


               เวลาในอเมริกาจะช้ากว่าประเทศไทย และมีการปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้น/ช้าลงปีละ 2 ครั้ง เช่น NY เวลาต่างจากไทย 11 ชั่วโมงในฤดูใบไม้ผลิ แต่ช้ากว่าไทย 12 ชั่วโมงในฤดูใบไม้ร่วง เป็นต้น

State sale tax 

              ภาษีมูลค่าเพิ่มเวลาซื้อสินค้าของแต่ละรัฐไม่เท่ากัน บางรัฐก็ไม่เสีย ได้แก่ Oregon, Montana, New Hampshire, และ  Delaware
(https://files.taxfoundation.org/20180212171639/LOST2018.png)

รวมที่สุดของรัฐในอเมริกา

(http://www.newenglishreview.org/files/100/Image/UScitiesIllustratedMap.jpg)



  • The Most Famous Brand From Each State In The US มาดูว่าแต่ละแบรนด์ดังๆ มีต้นกำเนิดมาจากรัฐอะไร ส่วนใหญ่จะมีพิิพิธภัณฑ์หรือโรงงานให้เยี่ยมชมด้วย

(https://static.boredpanda.com/blog/wp-content/uuuploads/fun-maps/fun-maps-31.jpg)




แหล่งอ้างอิง https://www.npr.org/sections/npr-history-dept/2015/05/12/404660475/51-words-the-united-states-of-colloquialisms

วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2561

เลือก Host Family ที่ใช่ (1)


https://cdn1.vectorstock.com/i/thumb-large/29/25/mother-and-father-with-children-happy-family-vector-9922925.jpg

          มีคนบอกว่าการเลือกโฮสต์แฟมิลี่ก็เหมือนกับการเลือกแฟน ไม่มีใครperfect สมบูรณ์แบบ บางอย่างดี-บางอย่างไม่ค่อยดี แต่เราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพราะเราจะต้องอยู่กับเค้าไปอย่างน้อยก็ 1 ปี คงไม่มีใครอยากเปลี่ยนโฮสต์ (rematch) บ่อยๆ หรอก นอกจากเราจะต้องพิจารณาหลายๆ ปัจจัยแล้ว เราต้องคุยกับโฮสต์ให้เคลียร์ทุกอย่าง (อย่าคิดเองเด็ดขาด)

ปัจจัยต่างๆ ที่ควรพิจารณาก่อนแมตช์ (match) กับโฮสต์

1. ปัจจัยเกี่ยวกับเด็ก (Host kids) : จำนวนเด็ก อายุเด็ก เพศของเด็ก เด็กพิเศษ
          ข้อนี้คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญที่สุดเลย คือเราต้องรู้ว่าเรามีความสามารถ/ประสบการณ์ขนาดไหน สามารถรับมือกับเด็กวัยนี้ จำนวนนี้ได้หรือไม่

👶เด็กทารก : โฮสท์บางคนที่เพิ่งมีลูกคนแรกจะต้องการออแพร์ที่มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กทารก (Infant qualified: IQ) มาก่อนเท่านั้น มีคนบอกว่า ฺ"Baby is sweet, but hard" การเลี้ยงเด็กทารกเป็นอะไรที่น่ารักกกก เวลากิน เวลายิ้ม บางครั้งก็ทำอะไรตลกๆ ไร้เดียงสาน่าเอ็นดู การได้เลี้ยงทารกจะให้ประสบการณ์ความเป็นแม่คนเต็มเปี่ยม เราจะรู้สึกผูกพันธ์กับเด็กมากๆ เพราะเราดูแลเขาตั้งแต่เค้ายังทำอะไรไม่ได้ แล้วคอยเฝ้ามองพัฒนาการและการเจริญเติบโตของเขาในแต่ละวัน (T^T น้ำตาปริ่มมมม) 
          แต่เพราะทารกพูดไม่ได้ เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเขาต้องการอะไร ที่ทำได้คือการร้องไห้ ดังนั้นออแพร์จะต้องเป็นคนที่ใจเย็นมากๆ และเพราะเขายังเล็ก จึงต้องการการทะนุถนอม ความใส่ใจในรายละเอียดมากๆ การเลี้ยงเด็กทารกอาจดูเหมือนมีหน้าที่แค่ ป้อนนม เปลี่ยนผ้าอ้อม แต่จริงๆ งานจุกจิกกว่านั้นมาก และเราต้องเติบโตไปกับเขาด้วย เพราะทารกจะเปลี่ยนไปทุกเดือน เราต้องปรับการดูแลให้เข้ากับพัฒนาการแต่ละช่วงของทารก ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งคือ ออแพร์อาจจะเบื่อเพราะไม่ค่อยมีกิจกรรมที่ทำร่วมกับทารกได้มากนัก อาจจะต้องอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ อย่างมากคือพาใส่stroller ไปเดินเล่น ไปฟังนิทาน/ร้องเพลงที่ห้องสมุด พาไปเล่นที่สนามเด็กเล่น baby gym พาไป mommy & me class หรือ play date กับเด็กทารกด้วยกัน เป็นต้น

👧เด็กวัยก่อนเรียน (Toddler-preschool)  : เด็กช่วงนี้ประมาณเด็กเตรียมอนุบาล – วัยอนุบาล น่ารัก ช่างพูดช่างเจรจา พลังงานเยอะมาก วิ่งไปมาไม่หยุด อยากรู้อยากลอง ซนมาก เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง บางครั้งเลยเอาแต่ใจและเลือกกิน และเป็นวัยชอบเลียนแบบ ข้อดีคือ เด็กจะชวนเราพูดตลอดวัน บางครั้งก็สอนภาษาอังกฤษเราไปในตัวด้วย จะมีกิจกรรมสนุกๆทำร่วมกับออแพร์เยอะกว่าเด็กทารก บางบ้านพาไปเที่ยวสวนสนุก Disneyland บ่อยมาก บางบ้านก็จะเริ่มให้ลูกไป daycare หรือ pre-kindergarten ประมาณอายุ 18 เดือน หลังจากนี้เด็กก็จะเริ่มเข้าโรงเรียน แต่บางบ้านก็เป็น home school ให้ลูกเรียนที่บ้าน เด็กวัยนี้จะเห็นเราเป็น best friend ของเขา จะติดเรามาก ชวนเล่นด้วยตลอดเพราะพ่อแม่ไม่ว่าง แต่บางครั้งเด็กก็สามารถเล่นคนเดียวได้ หรือเล่นกับเพื่อนๆ ไม่ต้องดูแลตลอดเวลาเหมือนเด็กทารก 
          ข้อเสียคือ เพราะเด็กวัยนี้พลังเยอะ พูดเก่ง หรือติดออแพร์มากเกินไป ออแพร์หมดพลังได้เลย และว่ากันว่า 2 ขวบคือวัยที่ยากที่สุด เรียกว่า terrible two จะเอาแต่ใจมาก ถ้าต้องเลี้ยง terrible two หลายคนด้วยคงวุ่นวายมาก แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ทั้งหมด บางบ้านโฮสต์ก็อบรมลูกมาดี ทำให้เลี้ยงง่าย เคารพเชื่อฟังออแพร์ แล้วก็เด็กวัยนี้พูดเยอะ ระวังเด็กจะเลียนแบบสิ่งที่ไม่ได้ ระวังทำอะไรแล้วเด็กเอาไปฟ้องพ่อแม่ แล้วก็ต้องระวังอุบัติเหตุมากๆด้วย เผลอไม่ได้ ไวเหลือเกิน

👦เด็กวัยเรียน : เด็กรู้เรื่องมากขึ้น ออแพร์จะหลอกล่อเหมือนเด็กtoddlerไม่ได้แล้ว ถ้าเป็นเด็กดีหรือรู้จักช่วยเหลือตัวเองอยู่แล้วก็จะสบายหน่อย ถ้าร้ายกาจก็ทำออแพร์เหนื่อยใจสุดๆ เช่น โกหกพ่อแม่ว่าออแพร์ทำร้าย แต่ข้อดีคือ เด็กไปโรงเรียนแล้ว 
         หน้าที่หลักๆ ของออแพร์ส่วนใหญ่คือ การเตรียมตัวและแพ็คของให้เด็กก่อนไปโรงเรียน ขับรถไปรับ-ส่งโรงเรียนและคลาสต่างๆ อาจช่วยสอนการบ้าน และดูแลตอนเย็นจนกระทั่งเข้านอน ออแพร์ส่วนใหญ่จะมีเวลาว่างช่วงระหว่างวัน สามารถไปเรียนหรือทำอะไรที่ต้องการได้ และถ้าเด็กมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับออแพร์จะช่วยให้ภาษาอังกฤษของออแพร์พัฒนาได้มาก

👱เด็กวัยรุ่น : ส่วนใหญ่เด็กวัยรุ่นจะมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ชอบความเป็นส่วนตัวและติดเพื่อน จะไม่ค่อยมายุ่งวุ่นวายอะไรกับออแพร์มาก บางบ้านคือเด็กไปอยู่หอพักไม่ได้กลับบ้าน เด็กอาจจะไม่ต้องการการดูแลเลย หรืออย่างมากก็คือต้องซักผ้าให้ เตรียมอาหาร และขับรถพาไปส่งโรงเรียน เป็นต้น

👭เด็กแฝด : ต้องดูว่าอายุของเด็เท่าไร ก็จะดูแลตามวัยอย่างที่กล่าวข้างต้นเลย แค่งานจะคูณสองเท่า (twins)หรือสามเท่า (triplet) เช่น ซักผ้า ทำอาหาร ฯลฯ 
         เคยถามเพื่อนออแพร์ที่เลี้ยงเด็กทารกแฝดสองว่ายากไหม เพื่อนก็บอกว่าไม่ยาก เหมือนเลี้ยงเด็กทารกสองคน พยายามทำคนหนึ่งเสร็จก่อน แล้วจึงค่อยทำให้อีกคน ส่วนใหญ่เด็กจะไม่ค่อยร้องพร้อมกัน เวลาป้อนข้าวก็สามารถป้อนสลับคนละคำ หรือพร้อมกันได้ และข้อดีคือ เด็กจะเล่นกันเองบางครั้ง ออแพร์ไม่จำเป็นต้องเล่นด้วยตลอดเวลา 

😀เด็กพิเศษ : เด็กพิเศษในความหายของเราคือ ทุกๆ อย่างที่ไม่ปกติ เช่น ความผิดปกติทางพัฒนาการ (ออทิสติก ดาวน์ซินโดรม) ความผิดปกติทางอารมณ์ (ก้าวร้าว ชอบทำร้ายร่างกาย) ความผิดปกติด้านการสื่อสาร (หูหนวก พูดช้า พูดไม่ชัด) 
         ต้องดูว่าเด็กมีความพิเศษตรงส่วนไหน สามารถสื่อสาร ช่วยเหลือตัวเองได้ขนาดไหน โฮสต์มีการพาน้องไปบำบัดหรือรักษาอย่างไร บางบ้านจะมีนักบำบัดมาที่บ้าน และโฮสต์คาดหวังอะไรจากออแพร์ เด็กพิเศษจะต้องการออแพร์ที่ใจเย็นอย่างมาก บางบ้านเด็กก็ได้รับการดูแลและฝึกมาอย่างดีให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ควบคุมอารมณ์ได้ 
         มีเพื่อนออแพร์ที่เคยดูแลเด็กพิเศษที่โฮสต์คาดหวังให้ออแพบำบัดอาการให้เด็กประหนึ่งนักบำบัด และเพื่อนที่ดูแลเด็กพิเศษที่น่ารักมากๆ sweet มากๆ

👼เด็ก 1 คน : ออแพร์คนไหนได้เลี้ยงเด็ก 1 คนคือดีเลิศประเสริฐศรีมาก ถึงเด็กจะยากยังไงก็แค่คนเดียว สามารถโฟกัสกับการดูแลได้อย่างเต็มที่ แต่ข้อเสียคือโฮสบางคนอาจจะคาดหวังมากหน่อย เพราะส่วนใหญ่บ้านที่มีเด็กคนเดียวคือ โฮสต์ที่มีลูกคนแรก บางครั้งอาจเป็นหลานคนแรกของตระกูลด้วย ความคาดหวังเยอะ และโฮสต์ไม่มีประสบการณ์เลี้ยงลูกมาก่อน ก็อาจจะจู้จี้จุกจิกมากหน่อย

👪เด็กมากกว่า 1 คน: ข้อดีคือ บางครั้งเด็กๆ ก็จะเล่นกันเอง ออแพร์ไม่ต้องดูแลเด็กตลอดเวลา และจะได้ประสบการณ์กับเด็กต่างวัย และจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลดีในการหาโฮสท์ปีสอง แต่ต้องมั่นใจจริงๆ ว่าเอาอยู่ ต้องดูอายุเด็กด้วย อย่างเช่นแฝดทารก หรือtoddler กับทารกก็จะเหนื่อยหน่อย เพราะต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดมากๆ บางครั้ง toddler เล่นเสียงดัง หรืองอแง ทำทารกตื่นร้องไห้ ทีนี้ร้องกันระงมบ้าน 
         มีออแพร์หลายคนที่เลี้ยงเด็ก 3-5 คน บางครั้งจำนวนเด็กมากๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องดูแลทั้งหมดคนเดียวเสมอไป มีออแพร์บางคนเลี้ยงเด็กผู้ชาย 3 คน พลังเยอะมาก เหนื่อยมาก แต่ไม่ทุกวันเพราะส่วนใหญ่เด็กไปเรียน บางบ้านโฮสต์จะจ้างออแพร์ 2 คน หรือโฮสต์อยู่บ้านเลี้ยงลูก หรือมีญาติช่วยเลี้ยง หรือจ้างnannyมาช่วยเลี้ยง หรือเด็กโตแล้วไปอยู่รร.ประจำ หรือดูแลตัวเองได้แล้ว เราแค่ดูแลคนเล็กและ/หรือรับผิดชอบคนโตนิดหน่อย เป็นต้น แต่โฮสต์ที่ต้องการออแพร์ 1 คนเพื่อดูแลเด็ก 2-3 คนก็มี 
          ออแพร์จะต้องดูรายละเอียดและคุยกับโฮสต์เกี่ยวกับหน้าที่ความรับผิดชอบให้ดีๆ เพราะอย่าลืมว่าไม่ว่าจะดูแลเด็กกี่คน ค่าจ้างออแพร์ตามกฏก็คือ $195.75/สัปดาห์เท่านั้น ถ้าโฮสต์ที่ดีจะเข้าใจว่างานออแพร์ไม่ใช่งานง่ายๆสบายๆ เค้าจะหาคนมาช่วย support เช่น nanny หรือญาติ อย่างที่กล่าวในข้างต้น และจ่ายค่าจ้างมากกว่า $195.75/สัปดาห์ และมีข้อเสนออื่นๆ เช่น ได้วันหยุดบ่อย หรือบางกรณีโฮสต์ต้องการออแพร์เพื่อมาเล่นและขับรถพาลูกไปโรงเรียนเท่านั้น ไม่ต้องทำงานบ้านหรือทำอาหารเลย เป็นต้น 
         ย้ำอีกครั้ง! คุยรายละเอียดดีๆ (เป็นลายลักษณ์อักษรได้ยิ่งดี) โฮสต์นิสัยไม่ดีเยอะมากที่หวังให้ออแพร์ทำทุกอย่าง เด็กหลายคน แต่จ่ายแค่ $195.75/สัปดาห์


เรื่องเพศของเด็กอาจจะไม่ค่อยสำคัญมาก แต่มาบอกข้อแตกต่างให้ฟัง
👩เด็กผู้หญิง: รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว ถ้าออแพร์ชอบแต่งตัวและทำผมให้เด็กด้วยก็จะน่ารักมาก เหมือนเล่นแต่งตัวตุ๊กตา แต่เพราะเป็นเด็กผู้หญิงบางคนก็อาจจะวี๊ดว๊าย ดราม่าควีน ขี้แย หรือเรื่องมากตอนแต่งตัวได้

👦เด็กผู้ชาย : พลังเยอะกว่าเด็กผู้หญิง ชอบเล่นอะไรแรงๆ Action super hero ถ้าเป็นทารกชายปกติก็จะตัวหนักกว่าทารกหญิง จะไม่ค่อยเสียเวลาเรื่องการแต่งตัวมาก ง่ายๆ เคยมีเพื่อนออแพร์เลือกแมตช์กับบ้านที่มีเด็กผู้ชายล้วนด้วยเหตุผลว่า "ถักเปียไม่เป็น" 😅


นี่แค่ข้อแรกนะคะ รอติดตามตอนต่อไป ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาอีกนะคะ

เพิ่มเติมนะคะ คำถามที่ควรถามเกี่ยวกับเด็ก
1. เด็กชอบ/ไม่ชอบอะไร
2. เวลาเด็กโกรธหรืออารมณ์ไม่ดี มีพฤติกรรมอย่างไร แล้วพ่อแม่มีวิธีการรับมืออย่างไร
3. เด็กแพ้อะไรไหม


บทความที่เกี่ยวข้อง



วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561

ขั้นตอนการเป็นออแพร์




1. มีคุณสมบัติพื้นฐาน 
  • อายุ18ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 26 ปี แต่บางเอเจนซี่ก็อนุโลมให้สำหรับคนที่อายุ 26 แต่ยังไม่ถึง 27 ปี
  • (คิดว่า)สามารถดูแลเด็กได้ คนที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อนก็สามารถไปเก็บประสบการณ์เลี้ยงเด็กให้ครบขั้นต่ำ 200 ชั่วโมงแล้วมาสมัครออแพร์ก็ได้
  • ให้คิดไว้เลยว่าอยากเดินทางไปช่วงเดือนไหน เจ้าหน้าที่ที่เอเจนซี่ชอบถาม เพื่อจะได้ให้คำแนะนำเรื่องวางแผนเตรียมตัวได้เหมาะสม
👉อยากเป็นออแพร์ในอเมริกา ไม่ยาก
2.  ไปฟังสัมมนาแต่ละเอเจนซี่ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับออแพร์ เงื่อนไข ค่าใช้จ่าย ต่างๆ  ใครมีข้อสงสัยอะไรก็ถามให้หมด รวมทั้งเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละเอเจนซี่ก่อนตัดสินใจที่จะสมัครกับเอเจนซี่นั้นๆ
👉 ไปเอเจนซี่ไหนดี ?
3. สัมภาษณ์ และวัดระดับภาษา การสัมภาษณ์ช่วยประเมินความพร้อมของเราก่อนที่จะออนไลน์ใบสมัคร ใครที่ยังมีประสบการณ์ดูแลเด็กน้อย หรือภาษาอังกฤษยังไม่ถึงระดับที่เอเจนซี่กำหนด ก็ไปฝึกฝนเพิ่มเติมแล้วกลับมาสัมภาษณ์ใหม่ *การทดสอบระดับภาษา บางเอเจนซี่อาจมีค่าใช้จ่าย
คำถามที่สัมภาษณ์และวัดระดับภาษา เช่น แนะนำตัวเองและครอบครัวเป็นภาษาอังกฤษ ทำไมอยากไปเป็นออแพร์ จบโครงการแล้วจะทำอะไรต่อ เล่าประสบการณ์ดูแลเด็ก มีประสบการณ์ขับรถแค่ไหน ถ้าเจอเหตุการณ์..........จะแก้ไขอย่างไร ตอนเป็นออแพร์อยากไปเรียนคลาสอะไร เป็นต้น
👉 คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ออแพร์ต้องรู้ 
4. ใครผ่านสัมภาษณ์แล้ว ก็จะได้ใบสมัครมากรอกข้อมูลและส่งเอกสารต่างๆ ได้แก่ ประกาศนียบัตรรับรองการจบการศึกษา, ใบรับรองคุณลักษณะ (Personal Reference), เอกสารรับรองประสบการณ์ดูแลเด็ก(Childcare References) อย่างน้อย 2 อย่าง, ผลตรวจร่างกาย เป็นต้น * บางเอเจนซี่ ผู้สนใจจำเป็นต้องจ่ายค่าใบสมัคร

5. ทำโปรไฟล์ และวิดีโอpresentationในระบบออนไลน์  บางเอเจนซี่มี workshop แนะนำการทำโปรไฟล์และวิดีโอให้ก่อนออนไลน์ ระยะนี้สามารถเก็บประสบการณ์ดูแลเด็ก/ภาษาอังกฤษ/ขับรถ/ทำอาหาร ไปได้เรื่อยๆ  (ลูกศรสีเขียว) ]

6. ออนไลน์ใบสมัคร และสัมภาษณ์กับโฮสต์แฟมิลี่ มีเวลาก็คุยไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งรีบแมช เลือกบ้านที่คิดว่าดีและใช่ที่สุด บางคนรู้สึกว่าทำไมออนไลน์มานานแล้วไม่มีโฮสต์ติดต่อมาสักที? ก็มีหลายปัจจัย เช่น ประสบการณ์เลี้ยงเด็ก ความน่าสนใจของวิดีโอpresentation โปรไฟล์ และรูปถ่าย ระยะเวลาที่จะเดินทาง ความถี่ในการlog in เข้าโปรไฟล์ เพราะส่วนใหญ่เว็บไซต์จะโชว์โปรไฟล์ออแพร์ที่ log in ล่าสุด แล้วก็รวมถึงเวลาว่างของโฮสต์ด้วย ถ้าเป็นวันธรรมดาส่วนใหญ่โฮสต์จะเข้ามาดูโปรไฟล์ออแพร์ประมาณช่วงพักกลางวัน ตอนเย็นหลังเลิกงาน และวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เป็นต้นเก็บประสบการณ์และอัพเดตโปรไฟล์ ]

7. ระยะเวลาออนไลน์จนถึง match ของแต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 1 สัปดาห์ - 1 ปี บางคนรอโฮสต์เข้ามาหานาน บางคนแมชตั้งแต่คุยกับโฮสต์บ้านแรก บางคนเลือกนาน คุยหลายบ้านกว่าจะตัดสินใจแมช *ส่วนใหญ่ต้องจ่ายเงินก่อนถึงออนไลน์ใบสมัครได้
👉 คำถาม และคำแนะนำเมื่อสัมภาษณ์กับโฮสต์แฟมิลี่
8. เมื่อ Match แล้ว จะได้รับการโทรหรืออิเมล์ยืนยันจากเอเจนซี่ และต้องเซ็นสัญญาการทำงาน จ่ายเงินค่าโครงการ และซื้อประกันสุขภาพ [ ระยะนี้ควร Keep in touch โฮสต์ไปเรื่อยๆ (ลูกศรสีเหลือง) แต่อย่าแปลกใจถ้าอยู่ดีๆ โฮสต์เงียบหายไป เพราะโฮสต์ส่วนใหญ่ 99% ที่มาจ้างออแพร์เพราะงานยุ่งมากๆ และการจะหาออแพร์ที่ใช่ก็ใช้เวลาสัมภาษณ์นาน ดังนั้นพอหาเจอแล้ว แมชแล้ว โฮสต์อาจจะกลับไปทำงานยุ่งตามเดิม เพราะเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว จะคุยอีกทีตอนเราใกล้ๆ เดินทาง ]
👉  ไอเดีย Keep in touch with host family ง่ายๆ
9. ส่วนเรายังไม่เสร็จสิ้น เอเจนซี่จะจัด workshop เตรียมความพร้อมการสัมภาษณ์วีซ่า และอื่นๆ ก่อนเดินทาง Keep in touch ]
*อย่าลืม ตรวจสอบความถูกต้องของชื่อ นามสกุลในใบDS-2019, SEVIS receipt, ประกันสุขภาพ และไฟลท์บินให้ดี
**ควรถามเอเจนซี่ด้วยว่าถ้าเกิดกรณีสัมภาษณ์วีซ่าไม่ผ่านจะเป็นอย่างไร ต้องเลื่อนตั๋วเครื่องบิน แล้วออแพร์ต้องจ่ายเงินไหม?
10. ขอประวัติอาชญากรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สัมภาษณ์วีซ่า เอเจนซี่จะนัดวันสัมภาษณ์ที่เร็วที่สุดให้ และควรทำใบขับขี่สากลสำหรับคนที่มีใบขับขี่นาน 1 ปีขึ้นไป ส่วนคนที่ได้ใบขับขี่มายังไม่ถึง 1 ปีก็สามารถขอให้กรมขนส่งออกใบรับรองใบขับขี่ไทยเป็นภาษาอังกฤษให้ได้ อย่าไปเชื่อที่มีคนบอกว่ารับทำใบขับขี่สากลแล้วให้จ่ายเงินค่าทำเป็นพันบาท มันคือของปลอม ทำไปก็ไม่มีประโยชน์ ต้องทำที่กรมขนส่งเท่านั้น ระยะนี้ใช้เวลาเร็วที่สุดประมาณ 1-2 สัปดาห์  [ Keep in touch ]
👉 รีวิว สัมภาษณ์วีซ่าออแพร์อเมริกา
👉 ตัวอย่างคำถาม-คำตอบ สัมภาษณ์วีซ่าออแพร์ อเมริกา
11. เคลียร์งานต่างๆ ติดต่อดำเนินธุรกรรมให้เรียบร้อย เช่น บัตรเครดิต บัญชีธนาคาร กองทุนประกันสังคม ค่าโทรศัพท์มือถือรายเดือน ฯลฯ
* อย่าลืมให้ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์และอิเมล์ของโฮสต์ และเอเจนซี่ทั้งทางฝั่งไทยและอเมริกากับที่บ้านไว้ เผื่อกรณีฉุกเฉิน
* ควรถ่ายสำเนาบัตรประชาชนของตัวเองและเซ็นชื่อมอบอำนาจไว้ เผื่อมีปัญหาต้องติดต่อด้านธุรกรรมจะได้ให้คนที่บ้านที่รับมอบอำนาจไว้ไปดำเนินการแทนได้
* คนที่จัดฟันก็ควรปรึกษาหมอให้ดีก่อนมา จะผ่าฟันคุดอะไรทำให้เรียบร้อยตั้งแต่อยู่ที่ไทยนะเพราะค่าจัดฟันและค่ารักษาพยาบาลที่นี่แพงมากๆๆๆๆๆ
* ใครมีโรคประจำตัวอะไรก็หาหมอ และขอใบสั่งยาภาษาอังกฤษมาด้วยเผื่อยาหมดต้องมาซื้อที่นี่
* แจ้งวันเดินทางกับเพื่อนๆ ญาติพี่น้องไว้ นัดแนะวันเลี้ยงอำลากันให้ดี จะได้ไม่โกลาหลก่อนเดินทาง

12. จัดกระเป๋า ซื้อเสื้อผ้า ลองหาข้อมูลดูว่าสภาพอากาศของรัฐที่เราจะไปอยู่เป็นอย่างไร ตรวจสอบเงื่อนไขของสายการบิน ราคาค่าโหลดประเป๋า ซื้อของฝากให้โฮสต์แฟมิลี่ บางคนก็เซอร์ไพรส์โฮสต์โดยส่งโปสการ์ดหรือของฝากเล็กๆ น้อยๆ ไปก่อน วันที่บินจริงสามารถเช็คอินออนไลน์ก่อนบินได้ภายใน 24 ชม. ตอนไปโหลดกระเป๋าที่เคาท์เตอร์สายการบินควรไปพร้อมกับเพื่อนๆ ที่บินไฟลท์เดียวกันนะ เจ้าหน้าที่ที่ไทยใจดี เค้าชอบเฉลี่ยน้ำหนักกระเป๋าให้ แต่ขึ้นอยู่กับแต่ละสายการบินด้วย Keep in touch ]
👉 ไอเดียของฝากให้โฮสต์แฟมิลี่
👉 จัดกระเป๋าอย่างไรดี 
13. บินสู่ดินแดนในฝัน สหรัฐอเมริกา  [ Keep in touch ]

14. ปฐมนิเทศ ฝึกอบรมเทคนิคการดูแลเด็ก ความปลอดภัย การปฐมพยาบาลเบื้องต้น CPR การแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดความขัดแย้งกับโฮสต์แฟมิลี่ เป็นต้น บางเอเจนซี่อาจมีพาทัวร์นิวยอร์ก บางเอเจนซี่ก็ไม่มีปฐมนิเทศหลังบินมาอเมริกาแล้ว มีเพียงworkshop ในไทย ช่วงนี้พยายามทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ให้มากๆ ทั้งออแพร์ไทยและต่างชาติ [ Keep in touch ]


👉 บรรยากาศใน Training school (Culturalcare Au Pair)👉 มาดู Au Pair Academy (Au Pair Care) ได้นอนโรงแรมหรู อยู่สบาย

15. เดินทางไปบ้านโฮสต์ และชีวิตออแพร์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
          👉 เอกสารสำคัญที่ออแพร์ต้องทำเมื่อถึงอเมริกา

ไอเดียของฝากให้โฮสต์แฟมิลี่ (Host Family Gift Ideas)


1. ขนม อาหาร ของกิน


*ของที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ทั้งที่แปรรูปแล้วหรือยังไม่แปรรูป ผลไม้ที่มีเมล็ด ผักผลไม้สด ห้ามนำเข้า เพราะจะโดนปรับหลายพันบาท ถ้าอยากได้ให้ซื้อที่เอเชียนมาร์เก็ต หรือสั่งออนไลน์ที่อเมริกาเอาค่ะ บางอย่างก็ซื้อได้ทั่วไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตที่นี่ แต่ถ้าเป็นอาหารทะเลสามารถนำเข้าได้
  • มาม่ารสต้มยำกุ้ง ผัดหมี่โคราช
  • สาหร่ายแผ่นทอดกรอบ
  • ขนมไทย เช่น ทองม้วน(ระวังแตก) กลีบลำดวน ฝอยทองกรอบ อาลัว ขนมผิง ถั่วตัด
  • น้ำพริกต่างๆ 
  • ผลไม้อบแห้ง/แปรรูป เช่น ทุเรียนทอดกรอบ มะม่วงอบแห้ง มะขามจี๊ดจ๊าด มะขามแก้ว ถั่วกรอบแก้ว ผลิตภัณฑ์จากกล้วย เช่น กล้วยตาก กล้วยฉาบ และกะทิ
  • ชาไทยตรามือ
  • กาแฟไทย
  • โก๋แก่
  • ข้าวแต๋นน้ำแตงโม
  • ผงเครื่องเทศ ผงปรุงรสสำเร็จรูป 
  • ขนม ลูกอม เยลลี่ โดโซะ แครกเกอร์ ฝากเด็กๆ

2. เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ

  • ชุดไทย ชุดเด็กไทย ชุดชาวเขา
  • เสื้อยืด หมวก ลายช้าง ลายเบียร์ ลายThailand
  • กางเกงลายช้าง
  • กางเกงเล
  • กางเกงมวยไทย
  • ผ้าพันคอ
  • ผ้าซิ่น
  • เสื้อผ้ามัดย้อม
  • รองเท้าสำหรับใส่เดินในบ้าน
  • กำไลข้อมือ
  • ปิ่นปักผม

3. กระเป๋า

  • กระเป๋าสาน ตะกร้าสาน
  • กระเป๋าย่าม
  • กระเป๋านารายา
  • กระเป๋า BKK Original
  • กระเป๋าผ้าไหม
  • กระเป๋าผ้าขาวม้า
  • ถุงย่ามเล็กๆ
  • กระเป๋าสตางค์เล็กๆ

4. ของใช้ ของประดับตกแต่งบ้าน

  • พวงกุญแจ 
  • แม่เหล็กติดตู้เย็น 
  • ของชำร่วย ตั้งโชว์
  • ปลอกหมอน
  • กล่องใส่ทิชชู่
  • ของจิ๋ว หุ่นปั้นจิ๋ว เครื่องดนตรีไทยจิ๋ว
  • รถสามล้อทำจากกระป๋องเครื่องดื่ม
  • ช้างแกะสลักจากไม้
  • ถ้วยชามเบญจรงค์ แก้ว
  • แผ่นรองแก้ว
  • เครื่องปั้นดินเผา
  • กระติ๊บข้าวเหนียว
  • โมบายปลาตะเพียนสาน

5. ผลิตภัณฑ์สปา น้ำหอม และยาสมุนไพร

  • เทียนหอม  
  • สบู่ผลไม้ 
  • โลชั่นน้ำมันมะพร้าว 
  • น้ำอบไทย น้ำหอมกลิ่นดอกไม้ไทย
  • ลูกประคบ
  • บาล์มนวด
  • ยาดมตราโป๊ยเซียน
  • ยาหม่องตราเสือ
  • ยาหม่องเสลดพังพอน
  • บาล์มนวดสมุนไพร

6. ของเล่น และอื่นๆ

  • โปสการ์ดแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย
  • สมุดลายไทย
  • เกมเศรษฐี 77 จังหวัด
  • ของเล่นไทยโบราณ เช่น ป๋องแป๋ง หนังสติ๊กยิงนก ของเล่นจากไม้ไผ่
  • จิ๊กซอว์
  • แผนที่ประเทศไทย
  • หนังสือท่องเที่ยวประเทศไทย (เป็นภาษาอังกฤษ)
  • หนังสือสอนทำอาหารไทย (เป้นภาษาอังกฤษ)
  • โปสเตอร์ ก-ฮ

7. ของแฮนด์เมด DIY ทำเอง มีหนึ่งเดียวในโลก

  • วาดภาพ
  • ทำการ์ด
  • ทำสมุดอัลบั้มรูป
  • ทำสมุดแนะนำตัวเอง และประเทศไทย
  • ทำคู่มือทำอาหารไทย
  • เย็บปักถักร้อย

แหล่งซื้อของฝาก

  • JJ Market จตุจักร
  • มาบุญครอง
  • ประตูน้ำ
  • แหล่งขายของฝาก สินค้า OTOP แต่ละจังหวัด 
  • วังหลัง
  • สำเพ็ง
  • ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต เอเชียนมาร์เก็ต
  • เว็บออนไลน์