เวลาสองสามวันแรกที่ไทยของฉันหมดไปกับการพักผ่อน รื้อของออกจากกระเป๋าเดินทาง และจัดการกับจดหมายกองโตที่ส่งมาให้ฉันตลอด2ปีที่ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ ฉันยังต้องจัดการกับบัญชีธนาคารที่ไม่เคลื่อนไหว และธุรกรรมต่างๆ เวลา 1 อาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉันบอกให้ทุกคนรู้ว่าฉันกลับมาถึงไทยแล้วนะ เพื่อจะได้นัดหมายเจอกับทุกๆคน แต่มีไม่กี่คนหรอกที่อยากเจอฉันจริงๆ (ฉันรุ้สึกอย่างนั้น)
https://i2.wp.com/studylinks.com/wp-content/uploads/2018/07/reverse-culture-shock.jpg?fit=231%2C260&ssl=1
ใช่แล้ว เพราะแต่ละสิ่งเปลี่ยนแปลงไป ทุกคนก็มีงานและภาระหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่มีใครว่างเหมือนฉันนี่นา ฉันพยายามเข้าใจ
ฉันท้องเสียนานกว่า 2 สัปดาห์ ตอนแรกฉันคิดว่าถ้ากลับไทยฉันจะกินทุกอย่างที่อยากกินจนตัวแตกไปเลย ทุกอย่างมันอร่อยและคุ้นลิ้นไปหมด แต่ฉันต้องเข้าห้องน้ำทุกครั้งหลังมื้ออาหาร น้ำหนักฉันลดไปเกือบ 3 กิโลกรัม ฉันพยายามรักษาตัวแต่ไม่มียาอะไรช่วยได้เลย สุดท้ายยาพื้นบ้านอย่างยาธาตุน้ำขาวกลับได้ผลชะงัก หลังจากนั้นก็ไม่มีอาหารอะไรทำร้ายกระเพาะฉันได้อีกเลย (ยกเว้นอาหารเผ็ดจัด)
เวลาผ่านไป ความตื่นเต้นของฉันก็หมดลง ฉันเริ่มเบื่อหน่าย เป็นเพราะฉันว่างงาน และหลายๆ สิ่งที่ฉันเจอที่เมืองไทย ทั้งคำพูด และสถานการณ์ต่างๆ ฉันเริ่มเศร้า...
ทำอะไรก็ขัดใจผู้ใหญ่
มีแฟนหรือยัง ทำไมไม่มีใครมาจีบบ้างเหรอ?
แหมมมม... เด็กนอก
ไม่เจอกันนานอ้วนขึ้นนะ ดำขึ้นด้วย
อุตส่าห์ไปตั้งไกล สุดท้ายกลับมาเป็น......
"ฉันรู้สึกว่าฉันไม่เหมาะกับที่นี่ ฉันเคยมีความสุขมากกว่านี้ตอนอยู่ต่างประเทศ ฉันรู้สึกหงุดหงิดไปกับทุกอย่างและเปรียบเทียบกับสิ่งที่เคยเจอตอนอยู่ต่างประเทศตลอดเวลา ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร ชีวิตจะไปต่อได้อย่างไร ฉันอยากกลับไปที่ันั่นอีกครั้ง...
...ทุกคนบอกว่าฉันกำลังปรับตัว มันต้องใช้เวลา แต่นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ฉันไม่รู้สึกมีความสุขเลย ทุกคนได้แต่ปลอบใจฉันแล้วก็ดำเนินชีวิตต่อไปในทางของตัวเอง มีแต่ฉันที่ยังคงติดอยู่กับความรู้สึกนั้น
บางครั้งฉันรู้สึกว่ามีแต่คนที่เคยเป็นออแพร์ในอเมริกาแบบฉันเท่านั้นที่เข้าใจตัวฉัน
ฉันรู้ตัวว่านี่คือภาวะ Reverse Culture Shock
มันคือ ภาวะที่บุคคลไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีวัฒนธรรมใหม่แล้วรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก
ฉันคิดว่าฉันน่าจะรับมือได้ แต่ไม่คิดว่ามันจะมีผลต่อฉันมากขนาดนี้
มีคนบอกว่าภาวะ Reverse Culture Shock นั้นรุนแรงกว่า Culture Shock เพราะก่อนไปต่างประเทศ ทุกเอเจนซี่มีการปฐมนิเทศและจัดอบรมเตรียมความพร้อมก่อน เพื่อให้สามารถเข้าใจ ปรับตัว และใช้ชีวิตกับวัฒนธรรมที่แตกต่างที่จะเจอขณะอยู่ต่างประเทศได้ ซึ่งช่วยลดผลกระทบทางด้านจิตใจได้ระดับหนึ่ง และตัวฉันเองได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะเจอ Culture shock ต่างๆ นั้นไว้แล้ว
มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการจากบ้านเกิดเมืองนอน ครอบครัว และเพื่อนสนิทเดินทางข้ามซีกโลกไปใช้ชีวิตในอเมริกา ประเทศที่กว้างใหญ่และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากแห่งหนึ่งของโลก ความไม่รู้ ปัญหาด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ การพบเจอคนแปลกหน้า ฯลฯ เป็นสิ่งที่ฉันต้องเจอแต่ฉันมีเป้าหมายที่แน่วแน่แล้วว่า "ฉันต้องอยู่ให้ได้จนจบโครงการ" แต่กลับไม่มีเอเจนซี่ไหนเลยที่เตรียมความพร้อมให้กับออแพร์ที่กำลังจะกลับประเทศให้รับมือกับภาวะ Reverse culture shock
ผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายอาการ reverse culture shock ไว้ 4 ขั้นด้วยกัน คือ
- การตัดขาดความสัมพันธ์ จากเพื่อนๆในต่างประเทศ
- รู้สึกตื่นเต้นในช่วงแรก มีความสุขที่ได้เจอครอบครัวและเพื่อนๆของคุณอีกครั้ง แต่ไม่นานก็จะตระหนักได้ว่าคนส่วนใหญ่ไมได้สนใจประสบการณ์หรือสิ่งที่คุณไปพบเจอมาที่ต่างประเทศเท่าไหร่นัก
- ฉุนเฉียวและไม่เป็นมิตร ผิดหวัง, โกรธ, แปลกแยก, โดดเดี่ยว, สับสน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และไม่เข้าใจว่าทำไม
- ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตที่บ้านของตัวเองใหม่
ฉันได้ลองลิสต์ปัญหาที่ได้เจอตลอด 1 เดือนแรกที่กลับไทย เผื่อใครที่กำลังจะกลับไทยได้รู้ก่อน จะได้เตรียมพร้อมรับมือได้
- เตรียมความพร้อมกับสภาพอากาศร้อนชื้น
- รถติด คนขับรถไม่มีมารยาท มอเตอร์ไซต์มาก รถประจำทางมาไม่ตรงเวลา ความแออัดบนรถไฟฟ้า ข้ามถนนต้องหลบรถ
- ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ
- มนุษย์ป้า ชอบถามและวิจารณ์เรื่องส่วนตัว แซงคิว ชอบสอนโดยที่ไม่รู้จริง ทัศนคติแคบ
- ทุกอย่างอิงชาติ ศาสนา วัฒนธรรม
- ความอิสระที่ลดลง ทำอะไรต้องฟังความเห็นของครอบครัวและคนรอบข้าง
- ข้อนี้ไม่ใช่ Reverse culture shock ซะทีเดียว แต่เพราะตอนเป็นออแพร์เรามีงานทำ มีบ้านอยู่ ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่พอกลับไทยมาเราต้องคิดถึงอนาคต จะทำงานอะไร แล้วบางครั้งก็อาจไม่ได้งานทันทีที่กลับมา ก็เลยมีช่วง "ว่างงาน" บางคนนานหลายเดือน
เราจะรับมือกับภาวะ นี้ได้อย่างไร
- ถึงอากาศจะร้อน แต่อย่าให้ใจร้อนตาม ระลึกในใจไว้เสมอว่า "ใจเย็นๆ" อะไรๆ มันอาจจะไม่ได้สะดวกเท่าที่อเมริกา แต่มันก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว งดเสพข่าวการเมืองเสียบ้าง
- ข้ามถนนต้องระวังรถให้มากๆ อย่าประมาท
- รับประทานอาหารสด ใหม่ สะอาด อย่าเพิ่งทานของเผ็ด หรือรสจัด ให้ท้องปรับสภาพเสียก่อน
- ทำใจให้กว้างๆ อย่าใส่ใจกับคำคนมาก คิดซะว่าเป็นสายลมที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป อย่าเก็บมาคิดมาก
- เข้าเมืองตาหลิ่ว ให้หลิ่วตาตาม
- อย่าลืมว่าเราไม่ได้ตัวคนเดียว บางครั้งอาจจะอึดอัดกับพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่บ้าง แต่เป็นเพราะพวกเขาเป็นห่วง และเวลามีปัญหาอะไร พวกเขาก็พร้อมจะช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างคุณเสมอ
- ถือซะว่าช่วงเวลาว่างงานคือโอกาสดีที่จะได้พักผ่อน ไปท่องเที่ยวสถานที่ที่อยากไป และทำสิ่งที่อยากทำ อาจจะลงเรียนคอร์สที่สนใจเพื่อพัฒนาตัวเอง หรือใช้โอกาสนี้อยู่กับครอบครัว หรือทำงานอาสาสมัครเพื่อผู้ด้อยโอกาสก็ได้
- ติดต่อ พูดคุยกับเพื่อนๆออแพร์
- คิดถึงเรื่องราวดีๆ ประสบการณ์ดีๆ ที่ได้รับขณะเป็นออแพร์ที่อเมริกา
- หางานอดิเรกใหม่ พบเจอผู้คนที่หลากหลาย ทำให้เราได้เรียนรู้จากพวกเขาเหมือนตอนที่เราไปอยู่อเมริกาใหม่ๆ
บทความที่เกี่ยวข้อง
https://www.hotcourses.in.th/study-abroad-info/once-you-arrive/coping-with-reverse-culture-shock/
https://static1.squarespace.com/static/56167d1de4b0141a0f9a9378/t/5acb926a758d46742a84b4ef/1523290730568/Practical+Tips+for+Readjustment.pdf
https://www.ceastudyabroad.com/blog/mojo/2018/03/08/5-tips-to-overcome-reverse-culture-shock