หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

เลือก Host Family ที่ใช่ (4) สถานที่ตั้ง บ้าน อากาศ กฏของแต่ละครอบครัว

“…don’t worry as much about the family’s location in the United States…..  Au pairs find quickly that they fall in love with their new community no matter where it is…..”
https://www.aupaircare.com/stories/choosing-your-host-family

          บางเอเจ้นซี่จะบอกออแพร์อยู่เสมอว่า อย่ากังวลเรื่องจะไปอยู่ที่ไหน ให้ดูที่โฮสต์แฟมิลี่เป็นหลักว่าเราคุยแล้วถูกคอไหม จริงที่ว่า “คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก” แต่จะว่าปัจจัยด้าน Location จะไม่มีผลเลยก็ไม่ใช่ ขึ้นกับอยู่กับออแพร์ว่าเป็นคนแบบไหนด้วยนะคะ ถ้าออแพร์เป็นคนที่ชิลๆ และปรับตัวเก่ง หรือมีประสบการณ์ในการอยู่ต่างบ้านต่างเมืองมาก่อนก็ดีไป แต่บางคนมีข้อจำกัด เช่น ขับรถไม่ได้ ไม่ชอบอยู่เมืองหนาว หรือไม่ชอบชีวิตเรียบง่ายแบบชนบท ฯลฯ ก็อาจจะทำให้เกิดการรีแมชขึ้นภายหลังได้ ซึ่งคงไม่มีใครอยากจะรีแมชบ่อยๆ หรอก ดังนั้นก็อย่าลืมพิจารณาปัจจัยข้อนี้ด้วยนะคะ

สภาพบ้านเมือง
1. City ในเมือง
https://specials-images.forbesimg.com/imageserve/5a8d8e084bbe6f2652f61ae9/960x0.jpg?fit=scale

         เช่น เมืองหรือรัฐที่มีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น New York, Boston, Chicago, California, Miami (ในย่าน Downtownหรือ City นะ ไม่ใช่บอกอยู่นิวยอร์ก แต่เป็นเกาะLong islandไกลๆ) ฯลฯ ก็คงเปรียบได้คล้ายกับความเป็นกรุงเทพฯ หรือเชียงใหม่ ที่เมืองมีความทันสมัย เจริญ มีนักท่องเที่ยวมากมาย มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ พิพิธภัณฑ์ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารนานาชาติ(รวมทั้งร้านอาหารไทย) มีการเดินทางที่สะดวกสบาย รถสาธารณะเข้าถึงทุกที่ หรือสามารถเดินเท้าได้ มีกิจกรรมสนุกสนานให้ทำตลอดปี มีแสงสีเมืองกรุงให้สัมผัส มีจำนวนออแพร์ในพื้นที่เยอะมาก สามารถชวนกันไปแฮงเอ้าท์ได้ตลอดเวลา ได้อารมณ์สีสันแห่งเมืองกรุง หางานเสริมทำง่าย เช่น ไปเลี้ยงเด็กบ้านเพื่อนออแพร์เป็นครั้งคราว (แต่ผิดกฏนะจ๊ะ อย่าให้จับได้ล่ะ) หาคลาสเรียนก็ง่ายด้วยเพราะมีจำนวนโรงเรียนมาก
https://i.pinimg.com/originals/e3/4f/0c/e34f0c4406d40a455d526494678aaeb3.jpg

          แต่ขณะเดียวกัน ค่าครองชีพก็สูงมาก (อย่าลืมว่าออแพร์ได้ค่าจ้างเท่ากันทั่วประเทศ) ค่าเรียนก็สูงมากด้วย หลายๆคลาสเกิน $500 ที่โฮสต์ให้ ออแพร์ต้องจ่ายส่วนที่เกินเอง การดำเนินชีวิตของผู้คนมีความรีบเร่ง วุ่นวาย รถติด มีhomelessและอาชญากรรมเยอะ (เพราะนักท่องเที่ยวมาก เป็นที่ต้องตาของมิจฉาชีพ) และขนาดบ้านในเมืองก็เล็กมากๆ หรือโฮสต์อาจจะอยู่เป็น Apartment/Condominium เราเคยไปนอนค้างบ้านโฮสต์ของเพื่อนใน Washington DC ทำเลดีมาก อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเลย เดินทางสะดวก แต่บ้านเล็กมากๆ ขนาดห้องนอนออแพร์คือแค่เตียงนอนเล็กๆ 1 เตียงและมีพื้นที่ข้างเตียงให้เดินเป็นซอกเล็กๆเท่านั้นเอง กับอีกบ้านหนึ่งอยู่ใน Cambridge ใกล้ Harvard square มี 3 ชั้น แต่เป็นบ้านแบ่งเช่า ในหนึ่งหลังจึงมีครอบครัวอาศัยอยู่ด้วยกันถึง 3 ครอบครัว (ชั้นละ 1 ครอบครัว) บ้านเล็กมากจริงๆ (แต่ค่าเช่าแพงมาก) อาจไม่มีGarage จอดรถ ต้องจอดริมถนนหน้าบ้านเอา ดังนั้นถ้าออแพร์คนไหนต้องขับรถในเมืองต้องฝึกการจอดรถแบบถอยหลังเข้าซองไว้

2. Suburban กึ่งชนบท
https://www.newsmax.com/CMSPages/GetFile.aspx?guid=1b06b007-ad1e-467a-9d47-025a1ee83419&SiteName=Newsmax

          ที่นี่คือจะออกนอกเมืองมาหน่อย มีความผสมผสานระหว่างความเมือง-ชนบท บ้านก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นไปจนถึงใหญ่มากๆ บางบ้านก็จะอยู่ในหมู่บ้านเป็น gate community ก็จะดีที่มีความปลอดภัย เพราะมีรั้วหมู่บ้านที่ต้องใส่รหัสเข้า-ออก อาจมีClub house สระว่ายน้ำ หรือFitnessส่วนกลางให้ทำกิจกรรม การจราจรก็จะดีขึ้นกว่าในเมือง อาจจะติดแค่ช่วงRush hour ตอนคนไปทำงานและเลิกงาน มีลานจอดถกว้างขวาง สามารถจอดแบบเอาหน้ารถหรือหลังรถเข้าได้เลย ค่าครองชีพจะถูกกว่าในเมือง ค่าเรียนก็ถูกกว่า (เคยเรียนESL ที่ฟลอริด้าเทอมละ $30 แต่ที่บอสตัน $600-$1000) วิถีชีวิตผู้คนมีความสบายๆ ไม่ค่อยเร่งรีบ และเฟรนด์ลี่มากกว่าในเมือง มีoutletมากมายให้ซื้อสินค้าแบรนด์เนมได้ในราคาถูก

         แต่ข้อเสียคือ อาจจะไม่ได้สะดวกสบายเท่าในเมือง เช่นระบบขนส่งสาธารณะอาจไม่ถึง หรือมีรอบรถน้อย นานๆจะมาที สถานที่แต่ละแห่งอยู่ไกลกันไม่สามารถเดินถึงกันได้เหมือนในเมือง อาจจำเป็นต้องขับรถหรือนั่ง Uber ซึ่งจะแพง (ควรคุยกับโฮสต์ว่าเขาจะ support การเดินทางของออแพร์อย่างไร เพราะออแพร์ต้องไปเรียนด้วย ไปมีทติ้งประจำเดือนด้วย และอาจต้องพาเด็กๆไปทำกิจกรรมนอกบ้านด้วย) โรงเรียนอาจมีน้อยและอยู่ไกล Eventต่างๆ ไม่ค่อยมี

3. Urban ชนบท
https://i.pinimg.com/originals/cc/86/48/cc864837c59c72bdd7ee9528f8dec5cc.jpg

          คือพื้นที่ห่างไกลตัวเมืองมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ บางบ้านก็ตั้งอยู่บนเนินเขาเลย อากาศสดชื่นและวิวทิวทัศน์สวยงามมากๆ ใครรักสัตว์ รักธรรมชาติ และชอบชีวิตแบบ Slow life คงจะถูกใจ พื้นที่กว้างขวาง บ้านใหญ่โตมากๆ กิจกรรมส่วนใหญ่ที่ทำได้ก็จำเป็นกิจกรรม Out door เช่น Hiking, ว่ายน้ำ, Apple picking, สกี เป็นต้น ค่าครองชีพก็ถูกมากๆ ผู้คนใจดี friendly ออแพร์ก็จะมีเงินเก็บเยอะ เพราะไม่ค่อยได้ออกไปสังสรรค์เท่าไร (ถ้าไม่หมดไปกับการช้ออปปิ้งออนไลน์นะ)

         แต่ถ้าใครไม่ชอบชีวิตชนบทอาจจะเบื่อ เพราะไม่ค่อยมีeventอะไรมากมาย มองไปทางไหนก็มีแต่ทุ่งหญ้า ป่าไม้ สายลม ภูเขา ทะเล และวัวควาย หรือทะเลทราย ใครที่อยู่ในชนบทจำเป็นมากที่จะต้องขับรถได้และโฮสต์ควรมีรถให้ออแพร์ใช้ส่วนตัว เพราะการเดินทางด้วยรถสาธารณะจะไม่ทั่วถึง และสถานที่แต่ละแห่งตั้งอยู่ไกลกัน

สถานที่สำคัญใกล้บ้าน
          ควรถามโฮสต์ถึงสถานที่สำคัญ สิ่งอำนวยความสะดวก และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจใกล้บ้าน โรงเรียนของออแพร์และเด็ก สนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ สระว่ายน้ำ YMCA ห้างสรรพสินค้า ออแพร์ในละแวกใกล้เคียง สถานีรถไฟ/ป้ายรถบัส ร้านอาหาร Asian market Grocery โรงพยาบาล คลินิก ร้านขายยา เป็นต้น

สภาพอากาศ  ยิ่งสูงยิ่งหนาว
https://graphical.weather.gov/images/conus/MaxT1_conus.png

         ภาพนี้เป็นแผนที่ในหน้าร้อน จะเห็นว่าทางตอนเหนือมีอุณหภูมิต่ำ (เย็น) กว่าทางใต้ ถ้าหน้าหนาวอุณหภูมิของรัฐทางตอนเหนือจะติดลบเลย
         รัฐที่หนาวมากๆ ได้แก่ Minensota, Wisconsin, Main, New Hamshire, Alaska เป็นต้น ใครจะไปอยู่ที่นี่ต้องเตรียมหาซื้อเสื้อโค้ท ถุงมือ ถุงเท้า หมวกกันหนาวไว้เลย เหมาะกับคนชอบสกี ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้จะเปลี่ยนสีสวยงาม บางคนอาจจะไม่ชอบอากาศหนาวๆ ท้องฟ้าครึ้มๆ บางครั้งก็ทำให้ซึมเศร้าได้ และต้องระมัดระวังในการขับรถบนหิมะมากๆด้วย เพราะมันลื่นมาก
         ทางใต้จะร้อนกว่า รัฐที่ร้อนมากๆ ได้แก่ Texas, Arizona, Nevada มีทะเลทรายกว้างใหญ่
         ส่วน California และ Florida อยู่ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกและแอตแลนติก อากาศกำลังดี (ตอนบนจะเย็นกว่าตอนล่างหน่อย) คนเอเชียอยู่เยอะมาก ใครชอบทะเลสายลมแสงแดดก็มาได้
         ทางริมฝั่่งตะวันออก และตอนกลางบางส่วนจะเป็นแถบโซนภูเขา พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก ความกดอากาสต่ำ โดยเฉพาะColorado ทำให้รู้สึกเหนื่อย แต่อยู่ไปนานๆ ร่างกายจะปรับตัว แล้วจะรู้สึกแข็งแรงกว่าคนอื่น พวกนักกีฬาที่อยากเก่งๆ ก็ต้องไปฝึกที่นี่แหละ เหมาะกับคนชอบHiking
         แต่ละรัฐก็จะมีปัญหาภัยพิบัติธรรมชาติแตกต่างกัน เช่น รัฐทางเหนือก็จะเจอพายุหิมะ รัฐทางชายฝั่งทะเลก็จะมีเฮอริเคน แคลิฟอร์เนียมีไฟป่าทุกปี เป็นต้น

รูปแบบของบ้าน
1. บ้านเดี่ยว
          ข้อดีคือมีความเป็นส่วนตัว มีบริเวณกว้าง  ยิ่งบ้านอยู่ไกลเมืองเท่าไร ก็ยิ่งมีขนาดใหญ่มากขึ้นเท่านั้น บ้านเดี่ยวมีทั้งแบบชั้นเดียว ไปถึง 3-4 ชั้น บางบ้านที่มีพื้นที่หน่อยจะมีสวนเล็กๆ บริเวณหน้าบ้าน และพื้นที่สวนหลังบ้านให้วิ่งเล่น บ้านเดี่ยวมีทั้งแบบอยู่ในซอยริมถนน อยู่ในหมู่บ้าน และเป็นบ้านสไตล์ย้อนยุคหรือคฤหาสน์ ขนาดห้องนอนของออแพร์จะมีตั้งแต่ขนาดเล็ก-ใหญ่ บางคนอาจจะได้ห้องนอนเป็นชั้นใต้หลังคา หรือครองชั้นใต้ดิน (Basement) ทั้งชั้นก็ได้ บางบ้านอาจมีประตูหลัง หรือประตูอีกบานสำหรับให้ออแพร์เข้าออกบ้านกรณีกลับดึกเพื่อไม่เป็นการรบกวนคนในบ้าน

2. อพาร์ทเม้นต์ หรือคอนโดมิเนียม 
          ส่วนใหญ่จะเป็นในเมือง และใกล้สถานีรถไฟฟ้า จะมีพื้นที่เล็กกว่าบ้านเดี่ยวมาก มีความเป็นส่วนตัวสูง แต่ข้อดีคือมีความปลอดภัยและมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สระว่าน้ำ fitness ลิฟต์ ห้องจัดกิจกรรม/งานเลี้ยง และด้วยพื้นที่เล็กจึงใช้เวลาทำความสะอาดไม่นาน และบางที่ไม่ต้องขนขยะลงมาทิ้ง เพราะจะมีปล่องสำหรับทิ้งขยะให้โยนขยะลงมาได้เลย แต่ข้อเสียสำหรับเราคือ ไม่สะดวกที่จะมาเพื่อนออแพร์มาบ้าน เพราะกว่าจะผ่าน Front desk หรือ Concierge เพราะเขาไม่ให้คนนอกเข้า และเสียงดัง ทำอะไรในบ้านได้ยินหมด ห้องนอนออแพร์ก็จะมีขนาดเล็กกว่า ห้องน้ำอาจเป็นห้องน้ำรวมกับโฮสต์ และไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านเท่าไร เพราะต่างคนต่างอยู่แต่ในห้องของตัวเอง

จำนวนสมาชิกในบ้าน ญาติ
         เป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องพิจารณา เพราะขนาดของบ้านและจำนวนสมาชิกในบ้านก็มีผลกระทบต่อกัน และบางครั้งอาจจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของออแพร์ด้วย เช่น โฮสต์อยากให้ออแพร์เลี้ยงเด็กแบบหนึ่ง แต่ปู่ย่าตายายมาบอกให้ออแพร์ทำอีกอย่างหนึ่ง หรือสปอยล์เด็ก เป็นต้น
          ส่วนตัวเราไม่ชอบบ้านที่มีญาติอยู่ แต่ชอบที่มีญาติอยู่บ้านใกล้ๆ เพราะเผื่อเกิดต้องการความช่วยเหลือ และหากญาติอยู่ใกล้ๆ เขาจะสามารถมาเยี่ยมเด็กได้โดยไม่ต้องนอนค้าง และแต่ถ้าเขาอยู่ต่างรัฐ ต่างประเทศ เราจะต้องเดินทางไปหรือเขาจะเดินทางมาค้างที่บ้านโฮสต์ ซึ่งบางครั้งการมาค้างนานๆ หลายวันก็ทำให้เรารู้สึกอึดอัดเหมือนกัน (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยของแต่ละคนด้วยนะคะ
          บางบ้านจ้างออแพร์สองคน มีพี่เลี้ยงเด็ก มีแม่บ้านอยู่ประจำ หรือมีเพื่อนมาค้างบ้านบ่อยๆ ต้องดูว่าเรารับได้ไหม อาจต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน หรืออาจอึดอัดเวลาเลี้ยงเด็ก แต่ที่สำคัญคือเราต้องมีห้องส่วนตัวโดยเฉพาะสำหรับเราเท่านั้น

สัตว์เลี้ยง
          มีทั้งแบบไม่มีเลย หรือเลี้ยงแค่ปลาทองหนึ่งตัว, เลี้ยงหมา แมว สัตว์เลี้ยงทั่วไป, บ้านเป็นฟาร์ม ปศุสัตว์ และเลี้ยงสัตว์แปลกๆ เช่น แมลง สัตว์เลื้อยคลาน ออแพร์ต้องถามให้ละเอียดว่ามีสัตว์อะไรบ้าง และใครเป็นคนดูแล  เพราะบางคนอาจจะไม่ชอบสัตว์ และ ถึงแม้โฮสต์จะบอกว่าออแพร์ดูแลแค่เด็กนะ ไม่ต้องดูแลสัตว์เลี้ยงเขา (เป็นกฏด้วยนะคะ) แต่ด้วยความที่อยู่บ้านเดียวกัน ก็เลยต้องช่วยดูแลบางครั้ง แต่บางคนก็บอกว่าดีจะได้มีเพื่อน ได้พาหมาออกไปเดินเล่น ขึ้นอยู่กับความชอบแต่ละคน แต่ก็มีเหมือนกันโฮสต์ที่ถือโอกาสให้ออแพร์ช่วยเลี้ยงสัตว์ ทำฟาร์มฟรีๆ เช่น ต้องให้อาหารและเปลี่ยนน้ำดื่มให้สุนัข และพาออกไปเดินเล่นวันละ 2 ครั้ง เป็นต้น และอีกอย่างหนึ่งคือสัตว์แปลกๆหรือสัตว์อันตราย ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กและตัวออแพร์เองด้วย บางทีเด็กไปเปิดกรง งูเลื้อยออกมาเข้าห้องนอนก็น่ากลัวนะ

ห้องนอน ห้องน้ำของออแพร์ เด็ก โฮสต์
         ตอนคุยสไกป์กันออแพร์สามารถขอดูห้องนอนของออแพร์ได้นะคะ ดูขนาดเตียงนอน ขนาดห้องนอน ของอำนวยความสะดวกในห้อง เช่น เครื่องปรับอากาศ(ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นระบบส่วนกลาง คือปรับทีทั้งชั้นเลยเหมือนห้างสรรพสินค้า ไม่ได้เป็นแอร์แยกห้องละตัว) เครื่องทำความร้อน (heater) เครื่องพ่นละอองฟองน้ำ (humidifier) เพราะว่าอากาศที่นั่นต่างจากเมืองไทยมาก เวลาหนาวก็หนาวมากๆ และทำให้ผิวแห้ง บางครั้งอากาศแห้งจนเลือดเกาเดาไหลเลย เวลาร้อนก็ร้อนจริงๆ ต้องบอกให้โฮสต์เข้าใจถึงความจำเป็นไม่ใช่ว่าเราจะเรียกร้องมากเกินไป บางบ้านก็จะมีโทรทัศน์ส่วนตัวให้ออแพร์ด้วย ส่วนเรื่องเตียงนอน จริงๆเราเป็นคนไม่ซีเรียสนอนตรงไหนก็ได้ แต่พอได้มาเป็นออแพร์เป็นปีเราก็ตระหนักได้ว่า เตียงนอนก็เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน เพราะเราทำงานกับเด็กมาทั้งวัน เหนื่อยๆ ก็อยากพักผ่อนบนเตียงที่นอนสบาย ช่วยให้หายเหนื่อยล้า ไม่ใช่เตียงแข็งๆ เล็กๆ ยิ่งนอนยิ่งปวดเมื่อย เคยกลิ้งตกจากเตียงด้วย
https://decor.mthai.com/app/uploads/2018/05/800_thumbnail_attic_great_ideas_05_2018.jpg

          ห้องใต้หลังคา ขึ้นอยู่กับลักษณะของบ้าน บางบ้านชั้นใต้หลังคาจะเตี้ยกว่าชั้นอื่นๆ หน่อย บางบ้านก็จะสูงโปร่งกว่าชั้นอื่นๆ มีหน้าต่างกระจกมองเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืน นอนดูดาวได้เลย โรแมนติกมาก ตอนกลางวันห้องก็สว่างไสวด้วยแสงแดดที่ส่องเข้ามา ไม่ต้องเปิดไฟเลย
http://decoration.leadsgenie.us/wp-content/uploads/2018/08/basement-ideas-with-low-ceilings-basement-lighting-ideas-unfinished-ceiling-finished-basement-ideas.jpg

          ชั้นใต้ดิน ส่วนใหญ่ออแพร์จะได้สิทธิครองชั้นใต้ดินทั้งชั้นหรือบางส่วน มีอุปกรณ์อำนายความสะดวกต่างๆ และแบ่งเป็นหลายๆห้อง เหมือนชั้นบน อาจไม่มีหน้าต่าง
          ห้องน้ำ ต้องถามโฮสต์ด้วยนะคะว่าห้องน้ำนี้เป็นส่วนตัวเฉพาะสำหรับออแพร์ หรือว่าต้องใช้รวมกับเด็กและโฮสต์ ส่วนใหญ่ออแพร์จะได้ใช้ห้องน้ำที่รวมกับเด็กเท่านั้น (โฮสต์ใช้อีกห้องหนึ่ง) หรือใช้รวมกับแขกเท่านั้น กรณีมีแขกมาบ้าน มีน้อยมากที่จะให้ใช้รวมกับโฮสต์ ซึ่งเราว่าก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร แต่ถ้าไม่ซีเรียสก็ได้จ้า เพื่อนเราอยู่บ้านเล็กๆ มีห้องน้ำห้องเดียวใช้รวมกันทั้งบ้านเลย

กฏต่างๆ ของบ้าน
ก่อนแมตช์อย่าลืมคุยข้อตกลงเรื่องกฏต่างๆ ของบ้านให้ดี เช่น

  1. บางบ้านเน้นความสะอาดและความเป็นระเบียบมากๆ ทำอะไรเสร็จต้องเก็บไว้ที่เดิม หลังใช้อ่างล่างมือต้องเช็ดให้แห้ง ไม่ให้มีน้ำหยดรอบๆ อ่าง บางบ้านจะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดที่บ้าน1-3อาทิตย์/ครั้ง บางบ้านไม่มีออแพร์ก็ทำความสะอาดแค่ส่วนที่เกี่ยวกับเด็กและห้องนอนออแพร์เท่านั้น (ออแพร์มาเลี้ยงเด็กนะจ๊ะ ไม่ได้มาเป็นแม่บ้าน)
  2. กำหนดเวลาเคอร์ฟิวว่าห้ามกลับบ้านเกินกี่โมง เช่น ห้ามเกินเที่ยงคืน หรืออย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนเวลาเริ่มงาน หรือมีกฏว่าหลังกี่โมงห้ามส่งเสียงดัง 
  3. การให้เพื่อนมาค้างที่บ้าน และการที่ออแพร์ไปค้างบ้านเพื่อน
  4. เรื่องอาหารการกิน โดยเฉพาะบ้านที่แพ้อาหาร หรือมีข้อห้ามทางศาสนา บางบ้านจะบอกไว้เลยว่าห้ามทำอาหารที่มีกลิ่นแรง
            ตามกฏโฮสต์จะต้องดูแลเรื่องอาหารการกิน แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม บางบ้านจะกำหนดเลยว่าออแพร์ต้องทำอาหารไทยให้โฮสต์อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ส่วนวันที่เหลือโฮสต์จะเป็นคนทำ ถ้าโชคดีหน่อยคือออแพร์ไม่ต้องทำอาหารเลยหรือทำแค่ส่วนสำหรับตนเองและเด็กเท่านั้น บางบ้านจะมีธรรมเนียมว่าถ้าโฮสต์ทำอาหาร ออแพร์จะช่วยเก็บจานชามล้าง ถ้าออแพร์ทำ โฮสก็เป็นคนเก็ยล้างสลับกัน ควรถามด้วยว่าโฮสต์ไปซื้อวัตถุดิบทำอาหาร(Grocery)เข้าบ้านอย่างไร บ่อยแค่ไหน บางบ้านสั่งออนไลน์ บางบ้านขับรถไปซื้อทกอาทิตย์ บางบ้านให้ออแพร์ไปซื้อแล้วเอามาเบิก(จริงๆ ไม่ใช่หน้าที่ แต่เพื่อนออแพร์บางคนก็แฮปปี้ที่จะทำ) บางบ้านโฮสต์ายเป็นbudget money ให้สัปดาห์ละเท่าไรก็อยู่ที่ตกลงกัน หรือให้บัตรเครดิตออแพร์มาไว้ใช้ซื้ออาหารสำหรับตัวเองและเด็กๆ และเติมน้ำมันเลยไม่ต้องคอยมาเบิก
  5. การใช้รถ บางบ้านที่ต้องขับรถให้เด็ก หรือแถวนั้นรถสาธารณะเข้าถึงไม่สะดวก โฮสต์ควรจะมีรถให้ออแพร์ไว้ขับเพื่อไปทำกิจกรรมกับเด็ก ไปmeetingประจำเดือน ไปโรงเรียน เป็นต้น ควรถามว่าโฮสต์มีรถให้ใช่แค่กรณีในเวลางานเท่านั้นหรือให้ใช้ส่วนตัวด้วยได้ เป็นรถแบบไหน ให้ออแพร์ใช้โดยเฉพาะ หรือต้องแชร์กับโฮสต์ เบิกค่าน้ำมันอย่างไร (กรณีใช้ส่วนตัวออแพร์ควรจ่ายค่าน้ำมันเอง) โฮสต์จะต้องเพิ่มชื่อออแพร์เข้าในประกันรถยนต์ให้ เรื่องใบขับขี่ขึ้นอยู่กับกฏหมายแต่ละรัฐ บางรัฐสามารถใช้ใบขับขี่สากลได้เลย บางรัฐต้องไปสอบใบขับขี่ของรัฐ
  6. การใช้โทรศัพท์มือถือขณะเลี้ยงเด็ก บางบ้านจะมีกฏบอกไว้ชัดเจนว่าห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะเลี้ยงเด็ก บางบ้านก็ไม่เข้มงวดมาก แต่คงไม่ดีถ้าออแพร์จะมัวแต่ก้มหน้าเล่นมือถือไม่สนใจลูกเขา เรื่องความปลอดภัยของเด็กเป็นสิ่งสำคัญมาก บางบ้านโฮสต์จะใจดีมีโทรศัพท์มือถือให้ยืมและจ่ายค่าโทรศัพท์ให้ด้วย
            *ระวัง โฮสต์บางคนจะติดตั้งโปรแกรมตรวจจับและเช็คข้อมูลโทรศัพท์ที่ให้ออแพร์ใช้เพื่อติดตามดูพฤติกรรมและข้อมูลส่วนตัว
  7. กล้องวงจรปิดในบ้าน ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย โฮสต์บางบ้านจะมีกล้องวงจรปิดติดไว้นอกบ้านและในบ้าน เช่น ในห้องเด็ก ห้องนั่งเล่น แต่ก็มีบางบ้านที่ไม่ไว้ใจออแพร์และติดกล้องไว้ในบ้านเพื่อคอยจับตาดูพฤติกรรมออแพร์ ซึ่งLCCเคยบอกเราว่าผิดกฏหมายเพราะโฮสต์แอบดูและดักฟังเสียงของเรา และไม่ได้บอกเราก่อนแมตช์ แต่เราไม่ได้อะไรมากเพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ถ้าโฮสต์ติดกล้องในห้องน้ำหรือห้องนอนของออแพร์สามารถแจ้งตำรวจจับได้เลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น