หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2561

Home sick เบื่อชีวิตออแพร์แล้ว



ชีวิตออแพร์ก็ไม่ได้มีแต่ช่วงที่มีความสุขเสมอไป มีขึ้นมีลง มีท้อ มีเบื่อบ้างบางที แต่ก็อยากให้อยู่จนจบโครงการ วิธีแก้เบื่อของเราก็คือหากิจกรรมทำ ดังนี้

1. ไปหาอะไรใหม่ๆ ทำ ไปในที่ใหม่ๆ ทำสิ่งที่ไม่เคยทำ 

Search 10 Things to do in .......(Your City) หรือไปตาม free event ต่างๆ ไปเดินmuseum, flea market ไปดู Movie in the Park เราเสิร์ชหา event จากเฟสบุ๊คนี่แหละ แล้วก็กด subscribe เว็บ Eventbrite หรือดู Google Map ว่าแถวบ้านมีที่ไหนที่ยังไม่เคยไป บางทีก็ไปเดิน Grocery เล่นๆ หรือซื้อดีลจาก Groupon ดูจะมีตั๋วลดราคา

2. หาเพื่อน

ออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง กินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง นั่งเม้ามอย ทำอะไรบ้าๆ บอๆ ไร้สาระบ้าง ตากลมริมทะเล เดินเล่น ปั่นจักรยานชิลๆ

3. คุยกับเพื่อน ครอบครัว 

มีอะไรอย่าเก็บไว้คนเดียว ระบายออกมาบ้าง บ่นจบก็ให้จบไป ถือว่าได้ระบายเรื่องไม่ดีออกไปแล้ว พรุ่งนี้ก็เริ่มต้นใหม่ บางทีคุยกับเพื่อนเสร็จแล้วรู้สึกว่าปัญหาของเพื่อนหนักกว่าเราอีก เลยเลิกเครียดเลย
แล้วมีปัญหาอะไรก็คุยกับโฮสตรงๆ จะได้แก้ไข อย่าเอาแต่เงียบหรือคิดไปเอง
👉 เคล็ด(ไม่)ลับ อยู่กับโฮสต์แฟมิลี่ให้มีความสุข

4. Shopping

บางทีเราก็ไปช้อปแก้เครียด แต่ช้อปเสร็จอาจจะเครียดกว่าเดิม เพราะไม่มีตังค์ 55 ไปแค่ Window Shopping เอา ดูๆลองๆแต่ไม่ต้องซื้อ

5. หาคลาสเรียน ทำกิจกรรมที่ชอบ

เวลาเราเบื่อ เราจะทำตัวให้ยุ่งที่สุด ไม่อยู่บ้านด้วย เราจะลงเรียนคลาสภาษาอังกฤษ หรือไม่ก็ไปเรียนESLฟรีที่ห้องสมุดอาทิตย์ละ 4 วันเลย เลิกงานปุ๊บออกบ้าน บอกโฮสว่ามีคลาสเรียน กลับมาอีกทีโฮสเข้านอนแล้ว See you tomorrow นะ ว่างๆ เราก็เขียนบล้อคนี้แหละ แล้วก็ระบายสี บางทีก็อ่านการ์ตูน

6. ออกกำลังกาย

เวลาเศร้าซึม อย่าทำตัวซึมเศร้าเน้อ ลุกมาออกกำลังกาย ให้ร่างกายกระฉับกระเฉง สลัดความเหนื่อยหน่ายออกจากร่าง สร้างเอนโดรฟิน สารแห่งความสุขเข้ามาแทน สุขภาพดี หุ่นดีด้วย
บางที่จะมีคลาสออกกำลังกายฟรี เช่น โยคะในสวน เต้นซุมบ้า หรือไปฟิตเนส ไปสมัครยิม สมัคร YMCA ไปวิ่งรอบหมู่บ้าน

7. ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง

เขียนไดอารี่ ทำสมาธิ สวดมนต์ ไหว้พระ ไปวัด

8. หาแรงบันดาลใจ 

ฟัง Ted Talk ฟังเพลง อ่านหนังสือ ติ่งไอดอล (จริงๆ นะ) ออกไปเจอผู้คนใหม่ๆ

9. ให้กำลังใจตัวเอง มองโลกในแง่บวก

คิดย้อนกลับไปว่ากว่าเราจะมาเป็นออแพร์ได้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง ต้องเสียเงินเสียเวลากว่าจะมาได้ แล้วเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะจบแล้ว ทำไมจะทำไม่ได้ ถึงโฮสไม่ดีก็คิดซะว่าเราอยู่กับเค้าแค่ชั่วคราว ทำอะไรผิดพลาดไป โดนโฮสด่าก็คิดซะว่าเป็นบทเรียน ครั้งต่อไปจะไม่เกิดขึ้นอีก วันพรุ่งนี้ต้องดีกว่าเสมอ หรือคิดถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นตอนอยู่ที่นี่ เช่น ได้ไปเที่ยวที่ๆ ไม่เคยไป ได้กินอาหารอร่อยๆ ตื่นเช้ามา ส่องกระจกแล้วยิ้มสวยๆ ให้ตัวเองเลย สู้ๆ

10. Count Down 

มันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดี บางคนบอกว่ายิ่งนับยิ่งนาน เวลายิ่งผ่านไปช้า แต่Count Down ของเราคือ เราจะตั้งเป้าหมายระยะสั้น เช่น เราทำงาน จันทร์-ศุกร์ แล้วเราจะนัดคุยโทรศัพท์กับที่บ้าน(เมืองไทย)ทุกวันเสาร์เช้า เราก็เลยมีแรงจูงใจว่าจะวันเสาร์แล้วๆ จะได้คุยกับแม่แล้ว จะได้หยุดแล้ว หรือตอนจะไปเวเคชั่น เราก็นับถอยหลังตลอด อีกนิดเดียวจะได้เที่ยวแล้วๆ

11. ทำงานอาสา

ไม่จำเป็นต้องไปบริจาคเงิน ไปออกแรงอะไรมาก เราสะดวกอย่างไหนเราก็ทำอย่างนั้น อย่างเราเวลาว่างๆ เราจะช่วยพิมพ์เอกสารให้คนตาบอดที่ไทย มันสะดวกและง่ายดี แค่มีโน้ตบุ๊คหรือมือถือเครื่องนึงก็ทำได้แล้ว ได้บุญด้วย ได้ Self esteem ด้วย เวลาได้ช่วยคนอื่นแล้วจะเกิดความภูมิใจเล็กๆ ว่าเราก็มีประโยชน์กับสังคมนะ เป็นพลังด้านบวก ทำให้เรามีแรงที่จะไปสู้รบกับ host kid ในวันถัดไป 55

สู้ๆ นะทุกคน  ^^

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2561

เสื้อผ้าไม่ใช้แล้ว เอาไปไว้ไหนดี


(http://www.elgenahearts.com/wp-content/uploads/2015/07/What-to-wear11-1024x682.jpg)

          เป็นออแพร์มา 1 ปี ไม่น่าเชื่อว่าเสื้อผ้า ของใช้จะเยอะแยะก่ายกองขนาดนี้ ถึงเวลาต้องย้ายบ้าน สำหรับคนต่อปีสองบ้านใหม่ หรือต้องเก็บกระเป๋ากลับไทย ขนไปไม่ไหว วันนี้มีวิธีจัดการกับสิ่งของไม่ใช้แล้วมาฝากจ้า (แนบลิ้งค์แต่ละร้านให้แล้วด้วยเน้อ กดที่ชื่อร้านได้เลย)

1. ขายต่อทางออนไลน์ เว็บไซต์/แอพพลิเคชั่น

          วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีเวลา ไม่รีบมาก ถ่ายรูปของและระบุรายละเอียดให้ชัดเจน (ขนาด สี ยี่ห้อ รอยตำหนิ ของใหม่หรือใช้มาแล้วกี่ครั้ง) ประกาศขายแล้วมีเวลารอลูกค้ามาซื้อ ควรตั้งราคาให้เหมาะสม ไม่แพงเกินไป กรณีไม่ได้นัดรับของต้องคิดราคาเผื่อค่าส่งไปรษณีย์ด้วย หรือบางเว็บไซต์จะมีแพ็กเกจสำหรับส่งของให้ฟรี บางเว็บไซต์มีหักค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อยเมื่อขายของได้


  • โพสต์ขายทางFacebook ของตัวเอง หรือตามกลุ่ม/เพจต่างๆ เช่น Back yard sale for Thai Au Pair, Everything is second hand in US, Marketplace
  • Ebay   อัพโหลดรูปถ่ายของที่ต้องการจะขายลงเว็บไซต์หรือแอพ Ebay บรรยายคุณภาพสินค้าและราคา สามารถให้ประมูลของ และตั้งโปรโมชั่น เช่น ซื้อชิ้นที่สองลด 10% ได้ เสียค่าคอมมิชชั่นแค่ $1-5ต่อจำนวนขาย $100-1000
  • Instragram จะโพสต์ลงหน้า Ig ของตัวเอง หรือสามารถติดแฮชแท็ก #shopmycloset และให้ประมูลของได้ จ่ายเงินทาง Paypal
  • Mercari ขายได้ทุกอย่างทั้งของมือหนึ่ง และมือสอง ยกเว้นอาหารและยา ขายง่าย ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แค่ถ่ายรูปและบรรยายรายละเอียดสินค้าที่ต้องการขาย ตั้งราคาได้เอง เราจะได้เงินหลังจากลูกค้าได้รับของ ฟรี Listings เสียแค่ค่า Selling fee charged 10% หลังขายสินค้าได้
  • Material World รับเฉพาะเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า accessaries แบรนด์เนมตามที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ และเขาจะประเมินราคาให้ ถ้าเราตกลงเขาจะส่งแพ็กเกจสำหรับส่งสินค้าไปให้เขาฟรี ได้รับเงินผ่านทางPayPal หรือขอรับเป็น Site Credit สำหรับช้อปปิ้งในเว็บไซต์ ซึ่งจะได้มากกว่ารับเป็นเงิน 10%
  • Poshmark เก็บค่าคอมมิชชั่น 20% ของราคาของที่ขายได้ แต่เขาจะส่ง a pre-paid, pre-addressed shipping label ให้ฟรี
  • thredUP สำหรับขายเสื้อผ้าเด็ก และเสื้อผ้าผู้หญิง เฉพาะแบรนด์ที่กำหนดและสภาพเหมือนใหม่ โดยเขาจะส่งแพ็กเกจสำหรับให้เราส่งของที่จะขายไปให้เขาฟรี อันไหนที่เขาไม่รับซื้อเขาจะนำไปบริจาค อันไหนที่เขารับซื้อเขาจะจ่าย 40% ของราคาที่เขาประเมินให้ทาง PayPal หรือเลือกรับเป็น thredUp credit ไว้สำหรับซื้อของในเว็บไซต์
  • ReFashioner ถ่ายรูป อัพโหลดของที่จะขาย สินค้าไหนที่เขายอมรับ เขาจะอิเมล์มาแจ้งราคาให้ เมื่อขายได้แล้วจะได้รับเงินหรือsite credit ไว้ซื้อสินค้าจากเว็บไซต์
  • The Real Real เว็บไซต์สำหรับขายเสื้อผ้าไฮแบรนด์ เช่น Chanel, Hermes ส่งของให้เขาทางไปรษณีย์ แล้วเขาจะจ่ายให้ 70% ของราคาที่ประเมิน (หักค่าคอมมิชชั่น 30%) แต่ถ้ามีของที่จะขาย 10 ชิ้นขึ้นไป เขาจะมารับของที่บ้านเลย
  • Tradesy หักค่าคอมมิชชั่น 14.9% จากสินค้าที่ขายได้ทั้งหมดรวม $50 ขึ้นไป สามารถเลือกได้ว่าจะใช้แพ็กเกจส่งสินค้าของเขา หรือจัดหาแพ็กเกจเอง โดยคนซื้อเป็นคนออกค่าใช้จ่ายค่าส่งทั้งหมด หากคนซื้อสินค้าไม่พอใจและคืนสินค้า ทางTradesy จะจ่ายเงินคืนให้ลูกค้าเอง (เรายังได้รับเงินอยู่ดี)
  • VarageSale เป็นการโพสต์ขายสินค้าออนไลน์โดยเชื่อมต่อทาง Facebook ให้กับคนซื้อที่อยู่ใกล้ๆ บ้าน 
  • Fam members-only app ซื้อขายสินค้าระหว่างสมาชิกเท่านั้น
  • Etsy โพสต์รูปภาพสินค้าและราคาขาย เสียค่า Listing fee $0.2 ต่อ 4 เดือนสำหรับโพสต์ขายสินค้า มีค่า transaction fee %5 และ payment process 3%+$0.25 ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าพวกแฮนด์เมด
  • Vinted  อัพรูป อธิบายสินค้า ตั้งราคาเอง เขามี pre-paid label ให้ฟรี ไม่เสียค่า listing นัดรับสินค้าหรือส่งทางไปรษณีย์ให้ลูกค้าได้ รับเงินโดยลูกค้าจ่ายผ่านบัตรหรือ PayPal
  • Fashionphile เว็บขายกระเป๋ามือสอง ส่งรายละเอียดและรูปภาพกระเป๋าที่ต้องการขายไปให้ เขาจะประเมินราคา แล้วเราปริ้นท์เลเบลและส่งกระเป๋าไปให้เขา ก็จะได้รับเงินโดย direct deposit, store credit หรือ check ภายในวันทำการวันถัดไปหลังจากที่เขาได้รับของ
  • Crossroads รับแพ็กเกจสำหรับส่งสินค้าไปให้เขาฟรี ได้รับเงิน 30% ของราคาขาย หรือ 50% store credit สามารถไปขายที่ร้านได้เอง จะได้รับเงินสด 33% ของราคาขาย
  • Craigslist เว็บที่ขายทุกอย่าง หางานก็ได้ มีแอพเช่นกัน แต่ต้องระวังเพราะลูกค้าจะมารับของเอง ให้เลือกส่งของในที่สาธารณะ เช่น ร้านกาแฟ ห้างสรรพสินค้า

2. ร้านรับซื้อเสื้อผ้ามือสอง

          การนำเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้ามือสองไปขายให้กับร้านที่รับซื้อ สามารถ Walk-in เข้าไปได้เลย หลังจากลงทะเบียนและเอาของที่จะขายให้ทางร้านแล้ว จะใช้เวลา 30 นาทีถึง 2-3 ชั่วโมงเพื่อประเมินราคา ซึ่งส่วนใหญ่จะให้ราคาต่ำมากๆ ประมาณ 1/3 ของราคาที่เราซื้อมา (เคยขนไปขาย 2 ลังใหญ่ๆ เขารับซื้อแค่ไม่กี่ตัว ได้เงินมา $15) เสื้อผ้าที่เขาจะรับซื้อต้องเป็นเสื้อผ้าแบรนด์ดังๆ เนื้อผ้าดีๆ สภาพเสมือนใหม่ สไตล์กำลังเป็นที่นิยมหรือเหมาะกับฤดูกาล หรือเป็นเสื้อทีมฟุตบอล เสื้อมหาวิทยาลัยดังๆ ของรัฐ  ระหว่างที่รอก็เดินดูของในร้านไป หรือไปที่ไหนก่อนก็ได้ เมื่อทางร้านประเมินราคาเรียบร้อยแล้ว เขาจะอิเมล์หรือโทรศัพท์มาเรียกให้ไปรับเงิน โดยจะเลือกรับเป็นเงินสด หรือ Store credit สำหรับซื้อของในร้าน (ซึ่งจะได้มากกว่าเงินสด) ส่วนเสื้อผ้าตัวไหนที่เขาไม่รับซื้อ เขาจะคืนมาให้ หรือถามเราว่าจะยกให้ทางร้านไหม ซึ่งเขาจะนำไปบริจาคหรือขายต่อแบบถูกมากๆ ให้กับบริษัทรับรีไซเคิลเสื้อผ้าหรือเพื่อการกุศลต่อไป


  • Buffalo Exchange มี 20รัฐในอเมริกา สามารถ walk-ins หรือส่งของที่จะขายทางไปรษณีย์ได้
  • Clothes Mentor มีทั้งหมด 139 สาขา ใน 29 รัฐของอเมริกา 
  • Uptown Cheapskate มีทั้งหมด 40 สาขา ใน 17 รัฐของอเมริกา รับบริจาคเสื้อผ้าที่ขายไม่ได้เพื่อการกุศลด้วย 
  • Plato’s Closet  รับซื้อเสื้อผ้าเด็กและวัยรุ่น
  • Beacon’s Closet  สามารถ Walk-in มาที่ร้าน หรือส่งของที่จะขายทางไปรษณีย์ได้ 
  • Greene Street รับซื้อเฉพาะเสื้อผ้าที่กำหนดเท่านั้น
  • Crossroads สามารถ Walk-in มาที่ร้าน หรือส่งของที่จะขายทางไปรษณีย์ได้ 
  • Thrift store หรือ Local Clothing Exchanges หรือร้านที่เขียนว่า Consignment
  • เปิดท้ายขายของ หรือ Garage Sale

3. บริจาค

          ต้องเป็นของที่ยังสามารถใช้ได้ สะอาด ไม่มีรอยฉีกขาด บริจาคได้ที่ต่างๆ ดังต่อไปนี้

  • Drop box ในห้างสรรพสินค้าใหญ่ หรือตู้รับบริจาคริมถนน
  • GoodWill จะได้รับใบเสร็จสำหรับลดหย่อนภาษีได้
  • Salvation Army สามารถบริจาคเสื้อผ้า หนังสือ ของใช้ในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ร้าน หรือนัดหมายให้เขามารับของที่บ้านได้
  • โบสถ์ ห้องสมุดต่างๆ ที่รับบริจาค
  • H&M บริจาคเสื้อผ้า Any brands, any conditions ที่นี่ จะได้รับส่วนลด 10% สำหรับซื้อเสื้อผ้าในร้าน
  • ส่งต่อให้เพื่อนๆ ออแพร์
บทความที่เกี่ยวข้อง




แหล่งอ้างอิง
http://www.thefrugalfeminista.com/8-places-to-sell-your-used-clothes-for-cash/
https://www.payoff.com/life/money/how-to-sell-old-clothes-for-money/
https://www.babble.com/latina/clean-out-your-closet-10-web-sites-to-sell-your-used-clothes/
https://studentloanhero.com/featured/sell-clothes-online-make-serious-cash/
https://www.washingtonpost.com/lifestyle/home/how-to-get-the-most-money-for-your-used-clothes/2017/08/14/2e5c9a00-7c4d-11e7-a669-b400c5c7e1cc_story.html?noredirect=on&utm_term=.55d9915a2140